Cadillac Celestiq (คาดิลแลค เซเลสทีค) รถเก๋งรุ่นเรือธงขนาดใหญ่สุดของ General Motor ใช้แพลตฟอร์ม Ultium ร่วมกับรถไฟฟ้า Hummer EV รถเก๋งรุ่นแรกที่ใช้ไฟฟ้า และเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญในวงการรถหรูของคาดิลแลค ด้วยการใส่ออพชั่น 8 อย่างที่ไฮเทคสุดขีด ซึ่งทำให้ขายรถนี้กล้าตั้งราคา 300,000 เหรียญ หรือราว 11.4 ล้านบาท เทียบชั้น Rolls-Royce Ghost รถหรูชื่อดังจากอังกฤษ ไปดูกันว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้จะทำให้เราตื่นเต้นได้แค่ไหน
โครงสร้างงานหล่อทราย
โครงสร้างหลักของรถหรูรุ่นนี้ ทำจากอะลูมิเนียม ที่ขึ้นรูปด้วยการหล่อด้วยแม่พิมพ์ทราย นั่นหมายความว่า มันสามารถหล่อชิ้นส่วนแกนหลักของรถ เป็นชิ้นใหญ่อันเดียวกันได้ ลดความซับซ้อนในการประกอบเหลือเพียง 6 ชิ้นส่วนหลักเท่านั้น และเพิ่มความแกร่งเป็นปึกเดียวกัน ด้วยการยึดเกาะด้วยกาวเคมีถาวร ช่วยลดปริมาณการเชื่อมลงอีก ส่วนประกอบเปลือกตัวถ้งด้านนอก ยังใช้เทคนิคขึ้นรูปด้วยวิธีการพับแผ่นอะลูมิเนียม ทำให้ได้ทรงที่ซับซ้อน แข็งแกร่งเป็นเนื้อเดียวกัน
เส้นไฟ LED ตระการตา
แสงสว่างรอบคันของรถ 2024 Cadillac Celestiq เกิดขึ้นจากหลอด LED 1,600 ตัว มีกระจกสะท้อนแสงขนาดเล็กเรียงตัวเป็นพิกเซล ติดอยู่ที่ไฟหน้าข้างละ 1.3 ล้านพิกเซล ทำให้สามารถสร้างลวดลายแสง แน่นอนว่ายังมีการเคลื่อนที่ของเส้นไฟด้วย หากในอนาคตกฎหมายให้อิสระกับระบบส่องสว่าง เจ้าของรถก็สามารถตกแต่งลายกราฟฟิกและสีสัน ด้วยเส้นแสงแอลอีดี ในแบบเฉพาะของแต่ละคน
จอสัมผัสขนาดยักษ์
หน้าจอสัมผัสขนาด 55 นิ้ว ติดตั้งในแนวนอนยาวเต็มคอนโซลหน้า มีความละเอียดระดับ 8 K แบ่งออกเป็น 2 จอวางต่อกัน แล้วปิดด้วยกระจกหน้าจอผืนเดียวที่ดัดโค้ง แบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วนคือ เป็นมาตรวัดฝั่งคนขับ เป็นเมนูส่วนกลาง แล้วเป็นหน้าจอความบันเทิงฝั่งผู้โดยสารหน้า ซึ่งถูกเคลือบด้วยฟิล์มบังสายตา ทำให้แสงหน้าจอฝั่งผู้โดยสารไม่แยงตาเข้าคนขับ
ถ้าคิดว่ายังมีหน้าจอไม่มากพอ รถรุ่นนี้ยังใส่หน้าจอความบันเทิง 12.6 นิ้วจำนวน 2 ตัวผู้โดยสารตอนหลัง กับหน้าจอ 8 นิ้วตรงกลาง และยังมีจอสัมผัสขนาด 11 นิ้ว อยู่บนที่วางแขนด้วย
หลังคากระจกที่ทำได้แห่งเดียวในโลก
Cadillac Celestiq มีหลังคาทำจากกระจกขนาดใหญ่สุดเท่าที่เคยมีใช้มาในรถผลิตขายทั่วไป เป็นหินกระจกแบบติดตายตัว ไม่สามารถเปิดออกได้ องค์ประกอบของกระจกหลังคานั้น ได้รวมหลอดไฟเพดานเอาไว้ในตัวด้วย เป็นชิ้นส่วนที่มีโรงงานแห่งเดียวในโลกสามารถทำให้ได้
กระจกชิ้นนี้ยังมีฟังก์ชันกรองแสง แบบแปรผันความทึบแสงได้ 1-20% และแยกพื้นที่ได้ 4 ส่วน ทำให้ผู้โดยสารแต่ละคนสามารถเลือกปริมาณแสงสว่างในตำแหน่งที่นั่งของตนเอง นอกจากนี้ยังสามารถแสดงแสงสีสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารอีกด้วย
ใช้เครื่องปริ้นท์ 3 มิติเยอะสุด
Cadillac Celestiq มีการใช้เครื่องปริ้นท์ 3 มิติ ช่วยผลิต 115 ชิ้นส่วน เชื่อว่าเป็นรถที่ใช้ส่วนประกอบจากเครื่องปริ้นท์ 3 มิติในปริมาณเยอะสุดของโลก ข้อดีคือทำให้ชิ้นงานมีความแข็งแรงเป็นอันหนึ่งอันเดียว และยังสามารถสลักชื่อและลวดลายถาวร ในแบบที่แต่ละเจ้าของสั่งทำได้ด้วย
ช่วงล่างถุงลม ผสมโช๊คแม่เหล็กไฟฟ้า
ระบบช่วงล่างของ Cadillac Celestiq มีพื้นฐานเป็นอิสระ 4 ล้อ multilink มันจะช่วยเหลือการขับขี่และให้ความนุ่มนวลพร้อมทั้งเกาะถนนในเวลาเดียวกัน ประกอบด้วยระบบพวงมาลัยไฟฟ้าและเลี้ยว 4 ล้อ มีระบบกระจายแรงบิดอิสระด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่สำคัญคือระบบซับแรงกระแทกด้วยถุงลม คำนวณความแข็งอ่อนด้วยโปรแกรม Magnetic Ride Control 4.0 ที่สามารถตรวจจับผิวถนน ไปปรับความแข็งอ่อนของโช้คแม่เหล็กไฟฟ้าได้รวดเร็วที่สุดในโลก ทำให้ล้อซับแรงขรุขระบนพื้นถนนได้มาก
ห้องโดยสารเงียบ ลำโพงกระหึ่ม
ภายในห้องโดยสารของ Cadillac Celestiq มีระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ด้วยการส่งคลื่นออกมา ทับกับเสียงคลื่นรบกวน แทรกสอดคลื่นเสียงแปลกปลอมให้หายไป มีแต่เสียงเพลงจากลำโพง 38 ตัวยี่ห้อ AKG พร้อมกับแอมป์ 3 ตัว โดยได้จ้าง sound engineer ออกแบบตำแหน่งลำโพง ที่จะส่งเสียงเข้าหูได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
ไฟฟ้าพุ่งพล่าน
รถหรูรุ่นนี้ใช้ไฟฟ้าล้วน ติดตั้งมอเตอร์ 2 ตัวให้กำลังรวม 600 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 867 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที ขับเคลื่อน 4 ล้อ
Cadillac Celestiq ใช้แบตเตอรี่ความจุ 111 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 483 กม./ชาร์จ (WLTP) สามารถชาร์จด่วนแบบ DC 200kW ภายใน 10 นาทีแล้ววิ่งได้ไกล 126 กม.
Cadillac Celestiq มีราคาเริ่มต้น 300,000 ดอลล่าร์สหรัฐ เทียบเท่าระดับเดียวกับ Rolls-Royce Ghost โดยมั่นใจว่าลูกค้าจะชอบความแตกต่าง ไฮเทค และความหรูหราในแบบอเมริกันอยู่ ซึ่งตอนนี้เปิดจองล่วงหน้าแล้ว และจะขึ้นสายการผลิตในปลายปี 2023 เป็นต้นไป
อ่านเพิ่มเติม : พบสาเหตุที่ Cadillac CT6 ทิ้งเงิน 16 ล้านเหรียญ ไปกับเครื่อง V8 เทอร์โบ ที่มีขายไม่ถึง 1,500 คัน