ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ EV ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์มีโอกาสชนะใจลูกค้ารายใหม่ ซึ่งเปิดใจรับแบรนด์ใหม่มากกว่า และมีความภักดีต่อแบรนด์เก่าน้อยกว่า

การเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเขย่าอุตสาหกรรมยานยนต์หลายด้าน ระบบขับเคลื่อนแบบใหม่นี้ยังเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อแบรนด์เนมด้วย เนื่องจากการวิจัยใหม่พบว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้ากล่าวว่าพวกเขาเต็มใจที่จะซื้อจากผู้ผลิตรถยนต์ที่พวกเขาไม่มีและไม่เคยเป็นเจ้าของมาก่อน

คนเปิดใจไปแบรนด์ใหม่

การวิจัยครั้งใหม่จาก Edmunds พบว่าในไตรมาสแรกของปี 2023 มีลูกค้าที่กำลังมองหา EV คันใหม่นั้นยอมเปิดใจไปหาแบรนด์อื่น ๆ มากถึง 63 เปอร์เซ็นต์ นับว่ามากอย่างมีนัยยะสำคัญ เมื่อเทียบกับลูกค้าที่กำลังมองหารถสันดาปทั่วไป ยอมเปิดใจไปหาแบรนด์อื่นแค่ 51 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

สั่นคลอน Brand Royalty

ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายข้อมูลเชิงลึกของ Edmunds กล่าวว่า “EV กำลังทำลายความภักดีของลูกค้าที่ผู้ผลิตรถยนต์สันดาปสร้างไว้ และต้องจับตาดูต่อไปว่า ถ้าผู้ผลิตแบรนด์เก่าแก่หันมาทำ EV เพิ่มขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคกลับไปสู่แนวโน้มความภักดีต่อแบรนด์เหมือนเดิม หรือทิ้งความภักดีต่อแบรนด์เป็นเรื่องในอดีต” จำนวนของลูกค้าในอเมริกา ที่ทิ้งความภักดีต่อแบรนด์ส่วนใหญ่ หันไปซื้อเทสลา จนเกือบจะกล่าวได้ว่าสามารถแย่งชิงลูกค้า EV ได้ทั้งหมด

มีโอกาสแย่งส่วนแบ่ง

เว็บไซต์ Edmunds ค้นพบว่า แนวโน้มลูกค้าเปลี่ยนแบรนด์น้อยลงเมื่อเทสลาเติบโตเต็มที่ และผู้ผลิตรถยนต์เก่าแก่ก็หันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีผลิตภัณฑ์สามารถแข่งขันกับมันได้ ทำให้จำนวนลูกค้าเปลี่ยนไปซบ Tesla มีแนวโน้มลดลง  ทำให้ตลาด EV ยังคงเป็นโอกาสในการแย่งส่วนแบ่ง

Tesla และ Chevrolet มีปริมาณมากสุด

ในขณะที่ผู้ซื้อรถยนต์รายใหม่ให้คะแนน Tesla, BMW, Toyota, Chevrolet และ Audi เป็นห้าแบรนด์ที่พวกเขาไว้วางใจมากที่สุดในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (เรียงตามลำดับมากไปน้อย) มีเพียง Tesla และ Chevrolet เท่านั้นที่ติดอันดับหนึ่งในห้าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าปริมาณมากสุด นั่นแสดงว่าหากใครผลิต EV ได้มากพอ ก็จะเข้ามาแย่งตำแหน่งจาก บีเอ็มฯ เอาดี้ และโตโยต้าได้อยู่

สถิติความต้องการ EV ในสหรัฐฯ

รถยนต์ไฟฟ้าครอง 6.7 เปอร์เซ็นต์ ในตลาดยานยนต์อเมริกันระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2023 เพิ่มขึ้นจาก 5.2 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว แม้ว่า EV เฉลี่ยจะมีราคา 65,381 ดอลลาร์ หรือมากกว่ารถยนต์สันดาปภายในเฉลี่ย 17,489 ดอลลาร์

ผู้ซื้อที่กำลังมองหารถหรูคือกลุ่มที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะซื้อรถ EV ในบรรดาผู้ซื้อที่อายุน้อยที่สุดที่สำรวจ มีอายุ 25-34 ปีจำนวน 75 เปอร์เซ็นต์กำลังพิจารณารถยนต์ไฟฟ้า และผู้ซื้ออายุ 35-44 ปีจำนวน 88 เปอร์เซ็นต์กำลังสนใจเทคโนโลยีนี้ 

ความคาดหวังสูง

ผู้ซื้อส่วนใหญ่ที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกา มีความคาดหวังค่อนข้างมากจากพวกเขา จากการศึกษาพบว่า 23 เปอร์เซ็นต์ของผู้ซื้อ EV ต้องการรถที่มีราคาต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ และผู้ซื้อ EV จำนวน 49 เปอร์เซ็นต์ต้องการรถที่สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 480 กม. นั่นหมายความว่า ผู้ที่กำลังจะซื้อ EV สนใจเรื่องขับได้ไกลมากกว่าราคาเอื้อมถึงง่าย

อ่านเพิ่มเติม : เปิดตัว 2024 Volvo EX30 อีวีรุ่นเล็กสุดในค่าย วิ่งได้ 480 กม. ขายไทยต้นปีหน้า คาดราคาราว 2 ล้านบาท