ผู้ขับขี่ EV ชาวอังกฤษต้องเจอเรื่องช็อคอย่างรุนแรงเมื่อต่ออายุประกัน โดยราคาบางส่วนเพิ่มขึ้นเกือบ 300 เปอร์เซ็นต์ และบางบริษัทก็ปฏิเสธความคุ้มครองทั้งหมด

ราคาไม่ถูกดังหวัง

EV มีราคาสูงกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาป แต่มีสิ่งล่อใจว่าจะลดค่าใช้จ่ายในการขับขี่ ได้ดึงดูดแม้กระทั่งผู้ที่ไม่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมให้หันมาเปลี่ยนรถได้ แต่หลังจากซื้อ EV มาแล้ว บางคนพบว่าค่าใช้จ่ายในการขับขี่เหล่านั้น ไม่ต่ำเท่ากับที่พวกเขาคาดหวัง

เบี้ยประกันขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการขับขี่ EV ที่น่าผิดหวัง เริ่มจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ค่าชาร์จไฟแพงมากกว่าเมื่อ 2-3 ปีก่อน ตามมาด้วยเหตุการณ์ล่าสุดนี้ ก็มีค่าประกันที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในเกาะอังกฤษ ผู้ขับขี่บางคนพบว่าเบี้ยประกันของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า และบางบริษัทประกันภัยตัดสินใจว่าจะไม่เสนอความคุ้มครองสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอีกต่อไปแล้ว

ไม่รับต่อประกัน Model Y

ข้อมูลจากเว็บบอร์ดรถยนต์ เช่น Pistonheads และกลุ่มใน Facebook มีหลักฐานเกี่ยวกับคนขับ Tesla มากมายที่พยายามหาประกันภัยที่มีราคาสมเหตุสมผล โดยมีตัวเลขราคาบางส่วนจากการสอบสวนของ Guardian เมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า เจ้าของ Tesla รายหนึ่งจ่ายเงิน 1,200 ปอนด์ (53,900 บาท) ให้กับบริษัท Aviva เพื่อเป็นค่าประกันรถ Model Y แต่เมื่อกรมธรรม์ประจำปีใกล้จะสิ้นสุด เขากลับได้รับจดหมายจากบริษัทประกันภัยแจ้งให้ทราบว่า จะไม่สามารถให้ความคุ้มครองใดๆ สำหรับปีหน้าได้

ค่าเบี้ยทะลุ 2 แสนบาท

เจ้าของรถรายนี้เริ่มควานหาบริษัทประกันไปทั่วประเทศ แต่บริษัทประกันหรือนายหน้าชื่อดังอย่างน้อย 4 รายปฏิเสธที่จะเสนอราคาให้เขา และในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับกรมธรรม์จาก Direct Line ในราคา 4,500 ปอนด์ (202,000 บาท) แต่เนื่องจากนั่นเป็นเงินจำนวนมหาศาล ไม่สามารถจ่ายได้ในก้อนเดียว เขาจำเป็นต้องผ่อนเบี้ยประกัน และยอมให้บวกดอกเบี้ยเพิ่มเข้ามาอีก ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ปอนด์ (224,000 บาท) 

แม้ว่าเจ้าของ Tesla คิดจะเลิกส่งค่างวดรถ Model Y แต่ก็ยังต้องเจอค่าปรับการเลิกสัญญา 8,000 ปอนด์ (359,000 บาท) ซึ่งแย่กว่าเบี้ยประกันเสียอีก ทำให้เขาจำใจต้องใช้รถเทสล่า และยอมผ่อนค่าประกันแพงหูฉี่ดังกล่าว

หยุดคุ้มครอง EV ชั่วคราว

การถูกบริษัทประกันปฏิเสธความคุ้มครองนี้ ไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ Tesla เท่านั้น จากรายงานของ The Guardian ที่ได้พูดคุยกับเจ้าของรถ Smart EQ ForFour คือนาย John Lewis ผู้ที่โดนบริษัทประกันภัยแจ้งให้ทราบว่า บริษัทจะไม่สามารถให้ความคุ้มครองแล้วในปีหน้าด้วย โดยเป็นการหยุดให้ความคุ้มครอง EV ชั่วคราว เพื่อบริษัทประกันภัยจะได้วิเคราะห์ความเสี่ยงและต้นทุนของการประกันรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมันอาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแพงกว่ารถเครื่องสันดาป

ค่าเบี้ยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น

ข้อมูลจาก Confused.com แสดงให้เห็นว่าเบี้ยประกันโดยเฉลี่ยของประเทศอังกฤษนั้น แบ่งเป็นค่าประกันสำหรับรถเครื่องยนต์สันดาปภายในเพิ่มขึ้น 29 เปอร์เซ็นต์ แต่ค่าประกันสำหรับ EV นั้นเพิ่มขึ้น 72 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของปีก่อน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป รถยนต์ไฟฟ้าจะถูกทิ้งขว้างได้ง่าย เพราะเจ้าของรถไม่มีตังค์จ่ายค่าประกันภัย ชนแล้วขายทิ้งเป็นซากได้เลย

อ่านเพิ่มเติม: ผลสำรวจชี้แบรนด์ Tesla มีความแข็งแกร่งลดลง