การลองขับครั้งนี้ เป็นการสัมผัสตัวรถสั้น ๆ ให้เข้าใจถึงสมรรถนะที่รถทำได้ โดยมีเวลาจำกัด ดังนั้นเราจึงพยายามเค้นทุกกระแสไฟฟ้าในรถเอามาใช้อย่างหักโหม รวมถึงทดลองวัสดุ และฟังก์ชั่นพื้นฐาน พบว่ารุ่น Dolphin และ Tang เหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด
การลองขับครั้งนี้ เป็นการสัมผัสตัวรถสั้น ๆ ให้เข้าใจถึงสมรรถนะที่รถทำได้ โดยมีเวลาจำกัด ดังนั้นเราจึงพยายามเค้นทุกกระแสไฟฟ้าในรถเอามาใช้อย่างหักโหม รวมถึงทดลองวัสดุ และฟังก์ชั่นพื้นฐาน พบว่ารุ่น Dolphin และ Tang เหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด
การลองขับครั้งนี้ เราได้ขับทั้งหมด 5 รุ่นด้วยกันคือ Dolphin, Seal, Qin, Song plus, Tang EV และ Han EV ซึ่งแต่ละคันก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกัน เช่นในกลุ่มไฮบริดประกอบด้วยรถคอมแพคซีดาน Qin และเอสยูวีขนาดกลาง Song plus ทั้งคู่เป็นไฮบริดทำงานขนานเสริมแรงให้กันอย่างดี แต่เราคิดว่าไม่เหมากับการทำตลาดในไทย เพราะเป้นระบบลูกผสม ขัดกับภาพลักษณ์ EV ของแบรนด์นี้ในไทยตั้งแต่เริ่มต้น
ส่วนรุ่น Seal และ Han นั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ที่มีกำลังแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BYD Han EV ซึ่งเป็นรถเก๋งขนาดกลางระดับเดียวกับ Honda Accord แต่มีอัตราเร่งระดับเดียวกับรถสปอร์ต และให้การควบคุมง่ายแบบรถหรู แต่สาเหตุที่เราคิดว่าไม่เหมาะกับการนำมาจำหน่ายในไทย เพราะตัวถังรถเก๋งเริ่มเสื่อมความนิยมลงเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับตัวถังแฮตช์แบค หรือเอสยูวี เห็นได้ชัดจากการที่ BYD Atto3 ทำตลาดด้วยทรงครอสโอเวอร์พลังไฟฟ้า ทำยอดขายกระฉูดมาก ๆ ดังนั้นจึงควรสานต่อแนวทางการเลือกตัวถังแบบนี้
BYD Dolphin (บีวายดี ดอลฟิน) เกิดความไม่ประทับใจแรก เพราะดีไซน์ไม่สวยเลย เพราะว่ารสนิยมผู้เขียนจะคุ้นเคยกับดีไซน์พลิ้วไหวของรุ่น Atto3 มาแล้ว รวมถึงเมื่อเทียบหน้าตารถคู่แข่งร่วมชาติอย่าง ORA Good Cat ที่มาแนวน่ารัก กับรถ MG4 ที่มีสไตล์สปอร์ตเปรี้ยว แล้วกลับมามองรถทรงเรียบร้อยมินิมอลอย่างรุ่นนี้ ทำให้มันขาดความสะดุดตา มีความประทับใจเมื่อแรกเห็นน้อยกว่าคู่แข่ง แต่ทำไมเราถึงคิดว่านี่คือตัวเต็งที่สมควรมาเปิดตัวขายในไทยกันล่ะ ?
เมื่อเปิดประตูเข้ามา ก็พบกับคอนโซลดีไซน์โค้งมน อันเป็นธีมการออกแบบอย่างเดียว Atto3 อยู่แล้ว วัสดุหุ้มหนังมาให้เยอะพอสมควร ส่วนนวมนิ่มก็บุมาให้แบบใช้งานแล้วรู้สึกถึงความละเอียดอ่อน สิ่งที่ชอบคือ เบาะนั่งมีที่รองหัวในมุมพอดีกับท่านั่ง ไม่ดันหัวไปข้างหน้าเหมือนรุ่น Atto3 อีกแล้ว และสิ่งที่ชอบมากคือ ความกว้างขวางของห้องโดยสาร ทั้งพื้นที่ศีรษะมาก ที่วางขาที่กว้างขวาง โดยที่เบาะรองนั่งยังมีความยาวรับต้นขาได้อยู่ นับว่าเป็นความน่าทึ่ง ที่รถที่ดูขนาดกะทัดรัด กลับมาพื้นที่ภายในกว้างขวางมาก
การขับขี่ครั้งนี้เป็นรถพวงมาลัยซ้าย มีท่านั่งขับในตำแหน่งสูงกว่ารถเก๋งทั่วไปเล็กน้อย แต่ไม่สู่งแบบรถมินิแวน เริ่มด้วยการลองอัตราเร่ง นับว่าแรงเกินตัวไปมาก ตามสไตล์ EV ที่ทำหลังติดเบาะได้ทันที ส่วนในทางโค้งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะความยวบยาบมีน้อย สามารถยัดเข้าโค้งแคบจนยางร้องเอี๊ยดได้ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. เช่นเดียวกับการหักหลบเปลี่ยนเลนกะทันหัน ก็สามารถทำได้ที่ความเร็วเดียวกันอย่างไม่มีปัญหา เหลือแค่หายางที่เน้นสมรรถนะสูงเปลี่ยนใส่เข้าไป
กระด้างน้อยและเอาอยู่
จากนั้นเราลองขับรูดลูกระนาดด้วยความเร็ว 40 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่หลายคนมักชอบวิ่งรูดเนินแบบนี้กัน พบว่ามันค่อนไปทางแข็ง แต่มันเป็นความแข็งแบบเด้งทีเดียวจบ ไม่มีแรงสะท้อนจนเสียการควบคุม นับว่าโช้คอัพเอาอยู่ ใครชอบความนุ่มก็แค่เพิ่มขนาดแก้มยางอีกนิดเป็นอันจบงาน
ปุ่มปรับเสียงที่เลื่อนขึ้นลง มีความรู้สึกไม่กระชับ ไม่แน่ใจว่าเป็นความตั้งใจที่ทำปุ่มเลื่อนให้ใช้แรงเบา หรือเป็นความล้าของวัสดุจริง ๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ขับพบว่ามันสามารถขยับให้ตัวได้ ทั้งตอนที่เลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลง วงแหวนที่ใช้หมุนมันสามารถดิ้นไปด้านข้างได้เล็กน้อย แต่ทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้ส่งผลให้การปรับเสียงผิดพลาดไป
ไม่เพียงปุ่มปรับเสียงเท่านั้น ยังมีก้านดึงกลอนประตูที่ให้ตัวได้เล็กน้อย และเช่นกัน มันไม่ได้ส่งผลเสียเรื่องการใช้งานโดยรวม แค่ทำให้ขาดความมั่นใจเรื่องความทนทานในระยะยาว อันเป็นความรู้สึกส่วนบุคคล ซึ่งอาจจะมีหลายคนที่มั่นใจในการเลื่อนปุ่มแบบนี้ก็เป็นได้
ส่วนอื่น ๆ ก็มีเรื่องของการปรับเบาะ อยากได้แบบพับแยก 60/40 เพิ่มความอเนกประสงค์ ยืดหยุ่นในการขนสัมภาระได้อีก
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด อยากได้ที่ปรับระดับสายเข็มขัดนิรภัยด้วย เห็นใจคนสูงไม่มากในระดับ 160-165 ซม.บ้างเถอะครับ
BYD Tang EV คือเอสยูวีที่มีตำแหน่งการตลาดบนสุดของแบรนด์นี้ เดิมทีเป็นรถที่สร้างมาใส่เครื่องยนต์สันดาปและไฮบริด แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนมาใช้ EV ล้วนแล้ว โดยโฉมนี้เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์แล้วในจีน ที่ให้ออพชั่นมาจัดเต็มมาก จนไม่มีเวลาเล่นได้ครบทั้งหมด โดยขอลองเล่นจุดเด่นในตัวมันเองเท่านั้น
BYD Tang EV เป็นเอสยูวีแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง โดยมีเบาะแถวกลางพับด้วยไฟฟ้า และแยกชิ้นออกจากกัน เว้นทางเดินตรงกลาง เป็นสไตล์กัปตันซีท ให้คนเดินผ่านแถวกลางไปเบาะแถว 3 ที่นั่ง นั่งพร้อม 2 คนได้อย่างหลวม ๆ โดยยังเหลือพื้นที่ศีรษะมากพอสำหรับคนสูง 175-180 ซม.แต่มีหลุมวางขาเตี้ยไป ทำให้ยังต้องนั่งชันเข่าอยู่บ้าง
เมื่อเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ ก็สัมผัสได้ถึงวัสดุที่ให้มาแบบไม่กั๊ก ทั้งหนังแท้ นวมฟองน้ำที่หนานุ่ม คอนโซลเป็นโฟมขึ้นรูปที่นิ่มมือ ปุ่มกดก็ออกแรงเบามือ จับชิ้นส่วนไหนก็ไม่มีโยกเยก ส่วนบานพับและเลื่อนต่าง ๆ ก็ใส่สปริงช่วยผ่อนแรง ไร้ความฝืด ทำให้สัมผัสได้ถึงความพรีเมี่ยมของจริง
ตำแหน่งเบาะเหมือนนั่งแท่นโซฟา ความหนานุ่มที่ใกล้เคียงกับรถหรูจากยุโรป มีขนาดใหญ่มาก และรองรับต้นขาดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นปุ่มสตาร์ทเป็นคริสตัลใสขนาดเล็ก นับว่าเป็นลูกเล่นที่น้อยแต่ได้ผลมาก
ลองขับแล้วทั้งนุ่มหนึบ
การลองขับ BYD Tang EV ยังคงใช้รูปแบบสนามทดสอบเดียวกับรุ่นเล็ก โดยอัตราเร่งเป็นไปอย่างโหดมาก มีแรงดึงติดเบาะตั้งแต่ออกตัวขึ้นไปอย่างต่อเนื่องจนถึงความเร็วเกิน 100 กม./ชม. แม้ว่าพวงมาลัยจะไม่คมและฉับไว แต่เมื่อปรับเป้นโหมด Sport แล้ว กลับมีคันเร่งที่ติดเท้าดีมาก กับพวงมาลัยที่ว่องไวตามคำสั่งมือ แม้ว่ารถจะมีการโยกยุบตัวค่อนข้างมาก แต่ระบบช่วยเข้าโค้งก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ
การลองขับเปลี่ยนเลนกะทันหัน มันทำได้อย่างมั่นใจมาก ที่ความเร็ว 60 กม./ชม.แล้วเปลี่ยนเลนเหมือนหักหลบ มันก็ทำได้สบายมาก แถมยังสามารถทำได้เร็วกว่านี้อีกด้วย ส่วนการขับรูดลูกระนาด ก็สามารถเก็บแรงสะเทือนไว้ได้ในย่านที่เรียกว่านุ่มนิ่ม มีความกระแทกที่รู้สึกได้ โดยล้อยังติดถนน ไม่สะท้อนแรงจนล้อลอย
BYD Tang EV นับว่าเป็นตัวตึงแห่งวงการ EV เพราะมีดีทั้งการเป็นรถ 6 ที่นั่ง ให้อุปกรณ์และวัสดุอย่างเต็มที่ มีสมรรถนะที่สูง กับการเข้าโค้งที่เกินความคาดหมาย กลายเป็นปิดจุดอ่อนเดิมของรถทรงสูง กลายเป็นรถเกาะถนนกับนิ่มหนึบอย่างรถเก๋งหรู จนสามารถสร้างยอดขายให้ปังได้ง่าย ๆ หากมาเปิดตัวขายในไทยจริง ซึ่งหวังว่าคงจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้
มิติตัวถัง ความยาว 4,070 มม.ความกว้าง 1,770 มม. ความสูง 1,570 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,700 มม.
BYD Dolphin ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลังสูงสุด 94 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุดที่ 180 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุของแบตเตอรี่ 30.7 kWh ทำระยะทางวิ่งได้สูงสุด 301 กม. ในมาตรฐาน NEDC มีความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. สามารถชาร์จแบบ DC ตั้งแต่ 30-80% ได้ภายในครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่สำหรับการชาร์จแบบ AC จาก 0-100% จะใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง
มิติตัวถัง ความยาว 4,900 มม.ความกว้าง 1,950 มม. ความสูง 1,725 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,720 มม.
BYD Tang ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลังสูงสุด แรงม้า มีแรงบิดสูงสุดที่ นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุของแบตเตอรี่ 108.8 kWh ทำระยะทางวิ่งได้สูงสุด 730 กม.(ขับ 2 ล้อ) และ 635 กม.(ขับ 4 ล้อ) ในมาตรฐาน NEDC
อ่านเพิ่มเติม : ลองขับ EV ครั้งแรก BYD Atto 3 จากใจคนใช้ ICE มาหลายปี เปลี่ยนเป็นไฟฟ้าแบบนี้ต้องปรีบตัวเยอะไหม