เมื่อบริษัทรถยนต์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ดีขึ้น และเทคนิคการหล่อแม่พิมพ์ขนาดใหญ่เริ่มแพร่หลาย ต้นทุนการผลิตก็ลดลง แต่ราคาซ่อมก็สูงขึ้น
EV จะมีต้นทุนถูกกว่ารถสันดาป
หนึ่งในอุปสรรคผู้บริโภคที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้าคือ ต้นทุนของรถทำให้ราคาแพงจนเอื้อมไม่ถึง แต่มันกำลังจะเริ่มดีขึ้นแล้วตอนนี้ ตามที่บริษัทวิเคราะห์ตลาด Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2027 บรรดา EV จะผลิตรถได้ในต้นทุนถูกกว่ารถยนต์สันดาปภายใน แต่ยังมีข่าวร้ายแทรกมาด้วย
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ลดต้นทุนด้วยเทคโนโลยี
การลดต้นทุนของ EV เกิดจากนวัตกรรมในเทคนิคการผลิตใหม่ ๆ รวมถึงการปรับปรุงการออกแบบ EV จะช่วยลดราคาสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ได้เร็วกว่าที่คาดไว้มาก ตามที่นาย Pedro Pacheco รองประธานฝ่ายวิจัยของ Gartner กล่าวว่า
“ผู้ผลิต OEM รายใหม่ต้องการกำหนดมาตรฐานใหม่ในวงการยานยนต์ พวกเขานำนวัตกรรมที่ทำให้ต้นทุนการผลิตง่ายขึ้น เช่น สถาปัตยกรรมยานพาหนะแบบรวมในจุดศูนย์กลาง หรือการแนะนำ gigacasting ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตและการประกอบ ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์รุ่นเก่าจะนำมาใช้เพื่อความอยู่รอดอย่างไม่มีทางเลือก”
ค่าซ่อมแพงขึ้น
น่าเสียดายที่นวัตกรรมนั่นจะส่งผลกระทบต่อค่าซ่อมรวมถึงเบี้ยประกันของลูกค้าด้วย แม้ว่าเทคโนโลยี gigacasting ของ Tesla ช่วยให้สามารถแข่งขันด้านราคากับผู้ผลิต EV รายอื่นได้ แต่ค่าซ่อมของมันก็มีราคาแพงเช่นกัน
บริษัทวิเคราะห์ตลาด Gartner คาดการณ์ว่า หากบริษัทรถยนต์ยังคงใช้ตัวถังแบบชิ้นเดียวอย่างนี้ ต้นทุนเฉลี่ยในการซ่อมตัวถัง หรือความเสียหายของแบตเตอรี่โดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 30 % ซึ่งอาจนำไปสู่การคืนทุนประกันมากขึ้น และอาจทำให้บริษัทประกันบางรายปฏิเสธความคุ้มครองสำหรับยานพาหนะบางคันด้วยซ้ำ
EV จะเติบโต แต่ไม่พรวดพราด
อย่างไรก็ตาม ยอดขาย EV คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า Gartner ประมาณการว่าการส่งมอบจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 18.4 ล้านในปี 2567 และ 20.6 ล้านในปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 15.4 ล้านในปี 2566 แม้ว่ายอดขายภาพรวมจะเป็นบวก แต่มันจะไม่พุ่งพรวดอีกต่อไป รถยนต์ไฟฟ้าที่เคยเป็นกระแสตื่นทองในช่วงก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ กำลังจะกลายเป็นการเอาตัวรอดในสถานการณ์คัดเลือกผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุด และไม่ใช่ว่าทุกบริษัท Startup จะอยู่รอดในตอนนี้
อ่านเพิ่มเติม : 12 อันดับรถรักโลกปี 2024 Toyota Prius ชนะพวก EV ก่อมลพิษน้อยกว่าในภาพรวม มาดูวิธีคิดคะแนน
แบรนด์ Startup กำลังจะตาย
“ด้วยการรับรู้ถึงผลกำไรง่าย ๆ ทำให้สตาร์ทอัพจำนวนมากมาแย่งชิงในตลาด EV ตั้งแต่การผลิตรถยนต์ ไปจนถึงการชาร์จ EV และบางส่วนยังคงต้องพึ่งพาเงินทุนจากภายนอกอย่างมาก ทำให้พวกเขาเผชิญกับความท้าทายทางการตลาดโดยเฉพาะ” Pacheco กล่าว “นอกจากนี้ EV จะค่อย ๆ ถูกลดเงินอุดหนุน หรือสิ่งจูงใจที่เกี่ยวข้องลดลงในประเทศต่างๆ ซึ่งทำให้ตลาดมีความท้าทายมากขึ้น"
กระแสของ EV ที่ยากลำบากในอนาคต ทำให้ Gartner คาดการณ์ว่าจะมีการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรม และยี่ห้อรถไฟฟ้าเกิดใหม่จำนวน 15 % จะล้มละลายหรือจะถูกซื้อภายในปี 2027 แต่ไม่ได้ระบุแน่นอนว่ายี่ห้อใด
อ่านเพิ่มเติม : ยอดขายรถยนต์ใหม่ในไทย กุมภาพันธ์ 2567 แยกตามเชื้อเพลิง เบนซินตก ดีเซลฮวบ EV ขาลง แต่ Hybrid โตขึ้น
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });