- เครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ ขับสนุกขึ้นกว่าเดิม
- ช่วงล่างเอาอยู่ทุกย่านความเร็ว
- ออพชั่นปลอดภัยสไตล์ 'ฮอนด้าจัดให้'
2022 Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์-วี) คือรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของ Honda (ฮอนด้า) ที่เปิดตัวในประเทศไทย เพื่อสานต่อความสำเร็จของรถยนต์มินิ เอ็มพีวี ขนาด 7 ที่นั่งของค่าย หลังจากที่รุ่นแรกนั้นทำตลาดมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2558 และได้รับเสียงชื่นชนด้านการขับขี่ที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อกาลเวลาเดินทางผ่านมา คู่แข่งในเซกเมนต์นี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และต่างก็มีสินค้าที่มีความน่าสนใจแตกต่างกันออกไป ทำให้ฮอนด้าต้องใช้เวลาในการเลือกสรรสินค้าของตัวเองออกมาอย่างประณีต และเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่อินโดนีเซีย ก่อนจะนำเข้าทั้งคันเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในระยะเวลาห่างกันไม่นาน
การประกาศตั้งราคารุ่นท็อปที่ 9.73-9.77 แสนบาท (แล้วแต่สี) ทำให้ลูกค้าหลายคนถึงกับชะงัก เพราะหากเทียบกับรถรุ่นอื่น ๆ ที่ทำตลาดอยู่ ถือว่าบีอาร์-วีเปิดหน้ามาในระดับราคาสูงสุด ทำให้เกิดคำถามว่ารถรุ่นนี้เป็นรถที่ฮอนด้าไม่เน้น หรือว่าพวกเขามั่นใจในความดีงามของรถว่าไม่เป็นรองใครและสามารถมัดใจลูกค้าได้อยู่หมัด
AutoFun Thailand ร่วมทริปรีวิวเพื่อหาข้อมูลเหล่านี้มาให้ มาติดตามกันได้เลย...
เครื่อง-เกียร์ปรับมาให้ใหม่ ใช้งานดีขึ้น
หนึ่งในสิ่งที่คนถามถึงมากที่สุดก็คือการขับขี่ของรถเป็นอย่างไร เพราะฮอนด้านั้นใช้เครื่องยนต์ไอ-วีเทค 1.5 ลิตร พร้อมเกียร์ซีวีทีที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ที่ให้กำลัง 121 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังลงล้อคู่หน้า ซึ่งแม้ว่าตัวเลขจะดูดีกว่าใคร แต่การขับขี่นั้นเปลี่ยนไปหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่ออยู่บนตัวถังขนาดใหญ่ขึ้น
คำตอบก็คือ ฮอนด้าได้ทำการปรับจูนเกียร์ให้มีความฉลาดขึ้น สามารถรองรับการขับขี่ทั้งตอนเร่งเครื่องและตอนเบรคได้อย่างว่องไวขึ้นกว่าเดิม การตอบสนองนั้นยังสนุกสนานเหมือนเดิม การลากรอบแบบเกียร์ซีวีทีนั้นมีให้เห็น แต่จังหวะการเปลี่ยนเกียร์นั้นว่องไวขึ้นในขณะเร่ง ซึ่งสามารถปรับเองได้ด้วยแพดเดิลชิฟท์ และเกียร์ยังปรับแม่นยำเช่นกันในช่วงเบรก
ความเร็วที่เหมาะสมในการใช้งานแบบไม่ลากเครื่องยนต์อยู่ที่ตั้งแต่ความเร็วต่ำไปจนถึงช่วง 130-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็สามารถทำความเร็วขึ้นได้เรื่อย ๆ จนไปจบอยู่ที่ 168 กิโลเมตรต่อชั่้วโมง ซึ่งช่วงล่างนั้นเอาอยู่ไม่โยกคลอนให้หวาดเสียว แต่ก็ต้องแลกกับการที่เสียงเครื่องยนต์ครวญครางมากเป็นพิเศษจนเสียงหลุดเข้ามาในห้องโดยสารอย่างต่อเนื่อง
ช่วงล่างดี เหมาะกับการเป็นรถยนต์ของครอบครัว
ฮอนด้าได้ทำการปรับปรุงหลายสิ่งให้กับรถคันนี้ ที่ส่งผลต่อการควบคุมตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแพลตฟอร์มของรถให้มีน้ำหนักเขาขึ้นแต่แข็งแกร่งกว่าเดิม การปรับช่วงล่างทอร์ชั่นบีมหลังให้รองรับน้ำหนักได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ก็มีการขยับขนาดของตัวถังให้มีความใหญ่โตขึ้น ทั้งความกว้าง ยาว ฐานล้อ และยกระยะต่ำสุดใต้ท้องรถขึ้นไปอีก 8 มิลลิเมตร
นอกเหนือจากความนิ่งของตัวรถในช่วงของการทดสอบที่บรรทุกผู้โดยสาร 4 คน คาดการณ์น้ำหนักที่ประมาณ 300 กิโลกรัม ตัวรถถือว่ามีความนิ่งมากบนท้องถนน แต่ก็แอบมีเสียงยางเข้ามาบ้างเมื่อวิ่งผ่านถนนปูน และเมื่อลงไปในเส้นทางออฟโรดที่เป็นทางธรรมชาติ ก็พบว่าช่วงล่างยังมีการโยนตัวที่น้อยอยู่ ถือว่าไม่ทำให้รำคาญในการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ สิ่งที่ดีมากขึ้นอย่างชัดเจนสำหรับบีอาร์-วีรุ่นนี้ ก็คือการที่ฮอนด้าได้ทำการเพิ่มวัสดุซับเสียงและแรงสั่นสะเทือนตามตำแหน่งต่าง ๆ ของตัวรถ ทำให้ตัวรถนั้นมีความเงียบขึ้นจากเดิม โดยเฉพาะในส่วนของเสียงลมปะทะหน้ารถและเสียงจากช่วงล่างที่ลดลงไปอย่างชัดเจน รวมถึงแรงสะเทือนก็ลดลงเช่นกัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนมาใช้ยางขนาดใหญ่ขึ้นนั่นเอง
ระบบความปลอดภัยแบบฮอนด้าจัดให้ ไม่ล้นแต่ครบครัน
หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งมาในรถคันนี้ดูไม่ล้นคันเหมือน ๆ กับรถบางคันของคู่แข่งที่จัดเต็มมาเต็มที่ แต่เอาจริง ๆ ระบบต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาในรถคันนี้ก็ถือว่าครบครันที่สุดในแบบของฮอนด้าอยู่แล้ว ในรถยนต์หลาย ๆ รุ่นที่มีราคาจำหน่ายแพงกว่านี้ ตัวออพชั่นด้านความปลอดภัยก็ไม่ได้เหนือไปกว่านี้ เรียกว่าเป็นแพคเกจสำเร็จรูปของแบรนด์ก็ไม่ผิด
ฮอนด้านั้นให้ Honda SENSINHG ให้รถยนต์ทุกรุ่นย่อยแบบครบครน ประกอบไปด้วย ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติและระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ ซึ่งถือว่ามากันครบทีมแล้ว
นอกจากนี้ ก็มีการติดตั้งเทคโนโลยี Honda LaneWatch และมาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง มาพร้อมออพชั่นความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อเดินออกจากรถ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันล้อล็อกและกระจายแรงเบรก รวมถึงโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON และ ACE เสริมความแกร่งให้กับรถ
ภายในเน้นเอนกประสงค์ ออพชั่นหลายตัวควรให้มาได้แล้ว
ห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่งของฮอนด้า บีอาร์-วี นั้น ได้รับการออกแบบมาอย่างลงตัว ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่าเดิม เบาะแถว 3 พับได้ 50:50 และปรับเอนได้ 2 ระดับ เบาะแถว 2 พับได้ 60:40 และปรับเอนได้ 3 ระดับ รวมถึงสามารถปรับเลื่อนมาด้านหน้าเพิ่มพื้นที่ ขณะที่เบาะที่นั่งคู่หน้ายังเป็นแบบปรับมือ พื้นที่ของห้องโดยสารทั้ง 3 แถวขยายเพิ่มมากเล็กน้อยทั้งหมด
การตกแต่งเน้นความพรีเมียมด้วยโทนสีเข้ม สัดส่วนของวัสดุพลาสติก โครเมียม เปียโนแบล็กและหนังนุ่มในตำแหน่งที่มือสัมผัสถึง การออกแบบคอนโซลหน้าแนวกว้างทำให้รถดูโอ่อ่าหรูหรา ระบบปรับอากาศแบบโซนเดียว พร้อมช่องอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง มาพร้อมพนักเท้าแขน ช่องเก็บสัมภาระรอบคัน รวมถึงที่วางแก้ว 8 จุด กระจายกันอยู่ทั่วคันรถ
หน้าจอ 7 นิ้วรองรับแอนดรอยด์ ออโต้-แอปเปิล คาร์เพลย์ ลำโพง 6 ตำแหน่งในรุ่นท็อป อย่างไรก็ตาม ฮอนด้าก็ไม่ได้อัดออพชั่นจนล้นคันไปทั้งหมด ออพชั่นหลาย ๆ ตัวนั้นถูกตัดออกไป เช่น พวงมาลัยที่ปรับได้เพียง 2 ทิศทาง เข็มขัดนิรภัยแบบปรับระยะสูง-ต่ำได้ ระบบเบรกยังเป็นแบบก้านดึงอยู่ ซึ่งลูกค้าหลาย ๆ คนก็อาจจะอยากได้ออพชั่นเหล่านี้มาให้ครบ ๆ ไปพร้อมกัน
ออกแบบแนวเอสยูวี ออพชั่นด้านสีมีไม่มาก
ภายนอกของบีอาร์-วี ใหม่ ยังได้รับการออกแบบโดยเน้นรูปลักษณ์แบบเอสยูวีเป็นหลักเหมือนรุ่นที่ผ่านมา ฮอนด้าเลือกพัฒนารถคันนี้ให้มีขนาดที่ใหญ่โตขึ้นในทุกมิติแบบสัมผัสได้เลยตั้่งแต่เดินผ่าน รวมไปถึงการยกระยะต่ำสุดจากพื้นรถเพิ่มอีก 8 มิลลิเมตรเป็น 209 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการลุย และทำให้ภาพลักษณ์ของรถดูแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
ฮอนด้ายังทำการติดตั้งอุปกรณ์สายเอสยูสีอย่างแร็คหลังคามาให้เช่นเดิม เพิ่มด้วยระบบไฟแบบแอลอีดี พร้อมการออกแบบที่เน้นเส้นสายรอบคันเป็นอันเดียวกันทั้งคัน บานประตูหลังเปิดได้กว้าง แต่ตำแหน่งการเปิดและความสูงท้ายรถไม่มากเกินไป ทำให้ใช้งานขนสัมภาระได้ง่ายอยู่ ตกแต่งด้วยโครเมียมรอบคันตัดกับสีดำ ทำให้ตัวรถดูดุดัน โดยเฉพาะเมื่ออยู่บนตัวถังสีขาว
ออพชั่นด้านสีมีให้เลือกไม่มากนัก โดยในรุ่นท็อปอย่างอีแอลมาพร้อมสีดำคริสตัลเป็นสีมาตรฐานที่ 9.73 แสนบาท และสีพิเศษเป็นสีขาวพรีเมียมซันไลท์ จ่ายเพิ่มอีก 4,000 บาท ขณะที่รุ่นล่างอย่างอี มีสีขาวทาฟเฟต้าเป็นสีมาตรฐาน ราคาจำหน่าย 9.15 แสนบาท แต่หากอยากได้สีดำแบบรุ่นท็อปก็ควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มอีก 6,000 บาท ไม่มีสีอื่นนอกเหนือจากนี้ให้เลือกแล้ว
ตั้งเป้าหมายขาย 3,000 คันในปีแรกหลังการเปิดตัว
ฮอนด้าระบุว่าพวกเขาทำการปรับปรุงรถยนต์รุ่นนี้ขึ้นมาเยอะมาก มีการเลือกใช้ออพชั่นต่าง ๆ เข้าไปมากมาย ที่ทำให้ราคาจำหน่ายของรถออกมาอย่างที่เห็นกันอยู่ และฮอนด้าตั้งเป้าหมายการจำหน่ายรถยนต์คันนี้ที่ 3,000 คันภายในระยะเวลา 1 ปีแรก โดยในช่วงของการเปิดตัวได้จัดโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0.99% พร้อมรับบัตรน้ำมัน 5,000 บาท พร้อมฟรีเช็คระยะ 2 ปี นอกจากนี้ ก็มีชุดแต่งโมดูโลสำหรับฮอนด้า บีอาร์-วี ให้เลือกตกแต่งได้ โดยมีราคาตั้งแต่ 580-2,600 บาท หรือจะเป็นแพคเกจที่จัดมาราคา 1,050-2,950 บาท ก็เลือกใส่ได้เช่นกัน
ใครสนใจไปลองที่โชว์รูมทั่วประเทศกันได้ ตอนนี้รถลงโชว์รูมหมดแล้ว ชอบใจก็จัดกันไปได้เลย...