- อเมริกาใต้มีแค่ 3 รุ่นย่อย
- ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร
- ต่างกับสเปกไทยอย่างไรบ้าง
2023 Ford Everest (2023 ฟอร์ด เอเวอร์เรสท์) เอสยูวีที่ใช้พื้นฐานร่วมกันกับ Ford Ranger เปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ Everest Wildtrak ในอเมริกาใต้ หลังบ้านเราเล็กน้อย แต่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล V6 3.0 ลิตร ที่อาจจะแรงเทียบเท่า Raptor เลยทีเดียว
Everest เจนล่าสุดนี้มีฐานการผลิตทั้งในบ้านเราและในประเทศอเมริกาใต้ โดยสำหรับบ้านเรานั้น รถคันนี้เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2022 ที่ผ่านมา
อเมริกาใต้มีแค่ 3 รุ่นย่อย
สำหรับ Everest ในประเทศอเมริกาใต้นั้นมีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย แต่มีเพียง 2 รุ่นย่อยที่เปิดจองในตอนนี้ ได้แก่ Everest Sport มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ bi-turbo เริ่มที่ราคา 965,400 แรนด์หรือราว 1.7 ล้านบาท และรุ่น Platinum ที่มาพร้อมเครื่องดีเซลเทอร์โบ V6 ที่มีราคาเริ่มต้น 1,113,100 แรนด์หรือราว 2 ล้านบาท นอกจากนี้จะมีรุ่นต่ำสุดคือ XLT
โดย Everest Wildtrak ที่จะเป็นรุ่นย่อยใหม่ในอเมริกาใต้นี้จะเป็นรุ่นที่แทรกกลางระหว่างรุ่น Sport และ Platinum นั่นเอง
ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร
ในรุ่นย่อย Wildtrak ในประเทศนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะรถคันนี้มีจุดเด่นที่มาพร้อมขุมพลังดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังสูงสุด 247 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที
หากเทียบกันกับเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost twin-turbo V6 ใน Ford Ranger Raptor ที่ให้กำลังสูงสุด 397 แรงม้า และแรงบิดที่ 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที จะพบว่าเครื่องดีเซลจะให้แรงบิดที่ดีกว่าในรอบต่ำ
สำหรับการตกแต่งภายนอกนั้น Everest Wildtrak นั้นคล้ายกับในประเทศไทย คือมาพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่พร้อมยาง 255/55 R20 แต่จะต่างกันที่เวอร์ชั่นอเมริกาใต้จะสามารถเลือกเป็นล้อขนาด 255/65 R18 พร้อมยางแบบ all-terrain ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ภายนอกยังมาพร้อมสีเฉพาะ Wildtrak เช่นเดียวกับในประเทศไทย นั่นคือสีเหลือง Luxe Yellow เหมือนกับ Ranger Wildtrak พร้อมกับมือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกก็ยังให้มาอย่างครบครัน เช่น ลายตกแต่ง Wildtrak, อักษรบ่งบอกชื่อรุ่น Wildtrak สีเทาเข้มบนฝากระโปรงหน้ารถ, ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟตัดหมอก, พาร์ทสีดำรอบคัน ราวหลังคา และบันไดข้างที่ตกแต่งแบบเงา
สำหรับภายในของ Everest Wildtrak โฉมอเมริกาใต้นั้นมาพร้อมการตกแต่งเหมือนกับเวอร์ชั่นไทย คือมาพร้อมภายในสีดำ ตัดด้วยการปักด้วยด้ายสีเหลือง มีการปักคำว่า Wildtrak ที่เบาะคู่หน้าทั้งสองข้าง
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในยังมีมาให้อย่างครบครัน เช่น ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Active Park Assist 2.0 ทั้งจอดแบบขนานและจอดเข้าซอง
อ่านเพิ่มเติม : เปิดตัว 2022 Ford Everest กว้างขวางขึ้น ลุยดีกว่าเดิม เพิ่มเครื่อง V6 บวกระบบความปลอดภัย
สเปกไทยที่เห็นชัดสุดคือขุมพลัง
สำหรับในประเทศไทยนั้นก็มี Ford Everest Wildtrak ด้วยเช่นกัน มาพร้อมการตกแต่ง อุปกรณ์ภายนอกและภายในที่คล้ายคลึงกัน แต่สิ่งที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ ในบ้านเราจะยังมาพร้อมครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร bi-turbo ให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E- Shifter
นอกจากนี้ยังมาพร้อมมีตัวเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery, Mud/Ruts และ Sand เพื่อสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพพื้นผิว โดย Everest Wildtrak ในบ้านเรามีค่าตัวที่ 1,899,000 บาท เป็นรุ่นสูงที่สุดในขณะนี้
หากมี Ford Everest รุ่นเครื่องยนต์ V6 ในบ้านเราบ้างจะดีไหมนะ…
อ่านเพิ่มเติม : ส่องความเปลี่ยนแปลงใน 2023 Ford Everest Wildtrak ใหม่ ได้อะไรเพิ่ม?