Lexus (เล็กซัส) เปิดตัวเอสยูวี 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ นั่นคือ Lexus TX (เล็กซัส ทีเอ็กซ์) ซึ่งมีพื้ฐานแพลทฟอร์มเดียวกับเอสยูวีฟูลไซส์ Toyota Grand Highlander และมีขุมพลังให้เลือกถึง 3 รูปแบบด้วยกัน 

ดูเหมือนว่า การเปิดตัว TX จะเป็นการขยายฐานลูกค้าที่ต้องการเอสยูวึพรีเมียมสำหรับครอบครัวให้กว้างยิ่งขึ้น โดยมีการออกแบบให้ผู้ใหญ่โตเต็มวัยสามารถนั่งได้หมดทั้ง 7 ที่นั่งเลยทีเดียว

• ขุมพลังให้เลือก 3 รูปแบบที่หลากหลาย
• ดีไซน์แบบใหม่จาก Lexus
• ภายในที่เหมาะกับการใช้งานแบบครอบครัว นั่งได้ 7 คนจริง
• คาดเริ่ม 1.8 ล้านบาท

ขุมพลังให้เลือก 3 รูปแบบ

Lexus TX มาพร้อมระบบขับเคลื่อนทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ ในรุ่นเริ่มต้นอย่าง TX 350 จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือก และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.4 ลิตรเทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 275 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร จับคู๋กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 8.9 กม.ลิตร

และยังมีรุ่นไฮบริดที่ทั้งแรงและประหยัดกว่าคือ TX 500h ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตรเทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุด 366 แรงม้า แรงบิด 554 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Direct4 โดยขุมพลังนี้มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยสูงสุดที่ 10.2 กม./ลิตร

และในรุ่นท็อปปลั๊กอินไฮบริด TX 550h+ ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังรวมสูงสุดที่ 406 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ จับคู่กับเกียร์ CVT มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ 12.7 กม./ลิตร และสามารถวิ่งโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุด 53 กิโลเมตร

ดีไซน์แบบใหม่จาก Lexus

Lexus TX ใช้พื้นฐานแพลทฟอร์ม TNGA-K ของ Toyota ซึ่งใช้ร่วมกันกับ Toyota Highlander, Grand Highlander, และ Lexus RX แต่ Lexus จะให้อะไรที่มากกว่าพี่น้องคันอื่น ๆ ได้แก่ ความแข็งแรงของตัวรถและการปรับแต่งเพิ่มเติม โดย TX มาพร้อมช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงค์

เมื่อมองดูในภาพรวมแล้ว Lexus TX จะคล้ายกับ Toyota Grand Highlander อยู่บ้าง แต่ TX มาพร้อมภาษาการดีไซน์ของ Lexus ชุดล่าสุดที่มาพร้อมกระจังหน้าแบบ “Spindle Body” ที่ลดความเกรี้ยวกราดของกระจังหน้าแบบเดิมลง 

ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกใน Lexus RX รุ่นล่าสุด และมาพร้อมไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟเดย์ไลท์ LED ที่อยู่ขอบบนของไฟหน้า โดย Lexus กล่าวว่า TX ถูกออกแบบให้แอโร่ไดนามิกส์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ด้านท้ายของรถถูกออกแบบให้เป็นไปตามแบบฉบับของ Lexus ในแบบเดียวกับเอสยูวีรุ่นเรือธงอย่าง LX ซึ่งเป็นไฟท้ายแบบยาวตามความกว้างของตัวรถรูปตัว L พร้อมชื่อ L-E-X-U-S เป็นตัวอักษรที่ห่างกันอยู่ด้านบนของไฟท้าย

Lexus TX นั้นมีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แก่ Standard, Premium, Luxury และ F Sport ซึ่งใน 3 รุ่นแรกจะมาพร้อมล้อขนาด 20 นิ้ว ส่วนรุ่น F Sport มาพร้อมล้อขนาด 22 นิ้วและการตกแต่งแบบพิเศษ นอกจากนี้ รุ่น TX 350 Luxury ยังมีล้อขนาด 22 นิ้วให้เลือกอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : Lexus จะลดความโดดเด่นของ Spindle Grille ลง เนื่องจากลูกค้าบอกว่าเห็นแล้ว ‘หมดอารมณ์’

ภายในที่เหมาะกับการใช้งานแบบครอบครัว

Lexus TX นั้นเกิดมาเพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 7 คนตลอดที่นั่งทั้ง 3 แถวนี้ ซึ่งมาแทน RX L คันเดิมไป พื้นที่บรรทุกสัมภาระเมื่อเบาะทั้ง 3 แถวถูกกางออกมานั้นมีพื้นที่ 569 ลิตรเท่านั้น แต่หากพับเบาะแถวสองและสามลง เราจะพบว่ามีพื้นที่บรรทุกสัมภาระถึง 2,746 ลิตรเลยทีเดียว

เบาะแถวที่ 2 ของรถคันนี้สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแบบ 3 ที่นั่งที่พับได้แบบ 60:40 หรือจะเป็นเบาะแยกแบบ Captain Seat พร้อมกลไกที่สามารถเลื่อนเบาะให้สะดวกต่อการเข้าออกเบาะแถวที่ 3 มากยิ่งขึ้น โดยการตกแต่งภายในมีให้เลือกทั้งสีน้ำตาลเข้ม สีเทาขาว และสีดำ ที่สามารถจับคู่กับสีภายนอกทั้ง 7 สีได้

รถคันนี้สามารถเชื่อมต่อระบบอินโฟเทนเมนท์ได้ทั้งระบบ Apple CarPlay และ Android Auto เป็นมาตรฐาน มาพร้อมหน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ในห้องโดยสารมีช่องเสียบ USB ทั้งหมด 7 ตำแหน่ง และช่อง power outlet 3 ตำแหน่ง

และมีมาตรวัดดิจิทัลหลังพวงมาลัยขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบ head-up display และยังมอบสุนทรียภาพด้วยเครื่องเสียงจาก Mark Levinson Premium Surround Sound System ที่มาพร้อมลำโพงทั้งหมด 21 ตำแหน่ง

Lexus TX ทุกคันมาพร้อมระบบความปลอดภัย Lexus Safety System+ 3.0 ซึ่งประกอบด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ เช่น ระบบช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลน ระบบจดจำป้ายจราจร และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เป็นต้น

Lexus กล่าวว่า สำหรับรุ่น TX 350 และ TX 500h ในตลาดโลกคาดว่าจะมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริด TX 550h คาดว่าจะวางจำหน่ายหลังจากนั้น โดยมีแผนที่จะผลิตรถรุ่นนี้ที่โรงงานของ Toyota ในเมืองอินเดียนา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ Lexus ได้ประกอบในโรงงานนี้

คาดเริ่ม 1.8 ล้านบาท

สำหรับราคาค่าตัว คาดว่า 2024 Lexus TX จะมีราคาที่แพงกว่า Grand Highlander (ที่มีราคเริ่มที่ 43,070 ดอลล่าร์ในสหรัฐฯ ) ราว 10,000 ดอลล่าร์ และในรุ่นท็อปอย่าง TX 550h อาจมีราคาถึง 70,000 ดอลล่าร์  (2.4 ล้านบาท) เลยทีเดียว

มาดูกันว่ารถคันนี้จะสามารถขยี้คู่แข่งที่มีในปัจจุบันอย่าง BMW X7, Mercedes-Benz GLS หรือ Audi Q7 ได้หรือไม่