พบว่า มิติตัวถังของทั้งสองแทบไม่ต่างกันเพราะจริง ๆ แล้วมาจากพื้นฐานเดียวกัน และ MG ES มีพื้นที่เก็บสัมภาระที่ต่างจาก MG EP เล็กน้อย อาจเป็นเพราะระบบขับเคลื่อนใหม่ที่เข้ามา
ความแตกต่างภายนอก
เราทราบกันดีว่า MG ES นั้นมีพื้นฐานมาจาก MG EP แต่ด้วยดีไซน์ด้านหน้าและด้านท้ายแบบใหม่ของ MG ES ทำให้รถคันนี้ดูมีความหรูหรา มีหน้าตาของความเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า EP ที่ดีไซน์หน้าตาให้เนียนไปกับรถน้ำมัน
ES จะต่างกับ EP ตรงที่ ไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้าย LED โฉมใหม่แบบ Light Curtain Design ที่ดูโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ตำแหน่งของที่เสียบชาร์จของทั้งสองรุ่นจะอยู่บริเวณเดียวกัน คือ ด้านหน้าของรถ
ส่วน EP จะมีไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบฮาโลเจน และมีไฟไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED มาให้ ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ LED Electric Pulse Design
ส่วนด้านข้างของรถจะเห็นได้ว่าทั้งสองรุ่นไม่ได้มีความแตกต่างกันมาก ยังคงเป็นรูปทรงสเตชั่นวากอนทั่วไป แต่จะเห็นได้ว่า ES จะมาพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้วแบบปัดเงา ซึ่งยกระดับความหรูให้ตัวรถอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับล้ออัลลอย 16 นิ้วของ EP
สำหรับด้านท้ายในภาพรวม ส่วนที่ต่างกันระหว่าง 2 รุ่นนี้จะเป็นส่วนของกันชนด้านล่าง และแถบโครเมียมเหนือป้ายทะเบียนที่ของ ES จะไม่ตัดเข้าไปที่ไฟท้าย ซึ่งแต่ละรุ่นก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน ขึ้นอยู่ความชื่นชอบของแต่ละคน
ภายในต่างกันชัดเจน
สำหรับอุปกรณ์ภายในของ EP นั้นมีให้อย่างพอเพียงด้วยหน้าจอแสดงผล MID แบบสี ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
สิ่งที่ ES มีเพิ่มขึ้นมา ได้แก่ คอนโซลใหม่ในดีไซน์ energentic blue strip เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ Denim texture พร้อมเทคโนโลยี Zero-G Seats รองรับสรีระของผู้นั่ง กับความสามารถในกระจายน้ำหนัก
และยังมีหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 จุด รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เช่นกัน
นอกจากนี้ ES ยังรองรับระบบปฏิบัติการ i-Smart lite ได้แล้ว
MG EP ให้กำลังเพียงพอ แต่ ES เหนือกว่าด้วยแบตใหม่ แรงและวิ่งไกลกว่า รองรับ V2L
การเพิ่มเงินจาก MG EP มาเป็น MG ES นั้นคุ้มค่าหรือไม่
หากคุณต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอุปกรณ์พื้นฐานที่พอเพียง MG EP ก็เพียงพอกับความต้องการแล้ว แต่หากคุณต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ทัดเทียมกับคู่แข่งในตลาด พร้อมกับทรงวากอน MG ES คือคำตอบเดียวในตลาดตอนนี้
สำหรับราคาของ MG EP นั้นอยู่ที่ 761,000 – 771,000 บาท หลังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ส่วนราคาคาดการณ์ของ 2023 MG ES นั้นจะอยู่ในราคาที่ไม่เกิน 9 แสนบาท ซึ่งแพงกว่า EP ราวหนึ่งแสนบาท