Toyota (โตโยต้า) เตรียมเปิดตัวรถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตลาดสหรัฐอเมริกา รองรับการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์จากรถเครื่องยนต์สันดาปสู่ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้
รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ของ Toyota จะนับเป็นรุ่นที่ 3 ในตลาดแดนมะกัน ต่อจาก Prius Prime (โตโยต้า พริอุส ไพรม์) และ RAV4 PHEV (โตโยต้า ราฟ4 พีเอชอีวี) ถึงแม้จะยังไม่มีการยืนยันว่ารถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ดังกล่าวคือรุ่นใด แต่คาดว่าจะเป็น Highlander PHEV (โตโยต้า ไฮแลนเดอร์ พีเอชอีวี)
ไม่เพียงเท่านั้น มีรายงานด้วยว่ารถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นที่ 4 ของ Toyota อาจคลอดตามมาติด ๆ เพราะยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นเล็งเห็นถึงศักยภาพของรถพลังงานทางเลือกประเภทนี้
“รถปลั๊กอินไฮบริดไม่เพียงช่วยลดมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมาก แต่ยังมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมและเหมาะสำหรับการใช้งานในปัจจุบันเมื่อเทียบกับรถไฮบริดและรถพลังงานไฟฟ้า 100% เพราะเมื่อผู้ขับขี่ใช้งานในเมือง ตัวรถจะใช้พลังไฟฟ้า แต่เมื่อออกนอกเมือง ก็สามารถใช้เครื่องยนต์สันดาปช่วยขับเคลื่อนได้” กิลล์ แพรตต์ หัวหน้าทีมนักวิจัยของ Toyota USA กล่าว
ในช่วงปลายปีที่แล้ว ตลาดรถพลังงานทางเลือกในบ้านเรามีความคึกคักอย่างมากถึงแม้จะเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม โดยมีการเปิดตัวรถปลั๊กอินไฮบริดกระแสหลัก 2 รุ่นออกจำหน่ายในเซกเมนท์เดียวกัน
รถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกคือ 2020 MG HS PHEV (เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี) รถเอสยูวี-ซีที่มีค่าตัวถูกเกินคาด 1,359,000 บาท ตามมาด้วย 2020 Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) ซึ่งเป็นรถเอสยูวี-ซีเช่นกันแต่เจาะตลาดลูกค้ากระเป๋าหนักด้วยราคาจำหน่าย 1,640,000 – 1,749,000 บาท
กลับมาดูที่ Toyota ถึงแม้ค่ายรถจากแดนปลาดิบจะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าตลาดรถยนต์เมืองไทยและผู้นำตลาดรถไฮบริดระดับโลก แต่พวกเขานำเสนอเพียงรถไฮบริดเท่านั้นในบ้านเรา อย่าง Toyota Camry (โตโยต้า คัมรี) และ Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) ยังไม่มีการทำตลาดรถปลั๊กอินไฮบริดแต่อย่างใด
สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดรถปลั๊กอินไฮบริดในบ้านเรายังไม่ตื่นตัวเท่าที่ควร ขณะที่ราคาจำหน่ายรถพีเอชอีวีก็มักมีราคาสูงกว่ารถไฮบริดทั่วไป ซึ่งอุปสรรคนี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกัน โดยจำนวนรถปลั๊กอินไฮบริดที่จำหน่ายในเมืองลุงแซมลดลงจาก 47 รุ่นในปี 2019 เหลือ 35 รุ่นในปี 2020
แซม อาบูเอลซามิด นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัย Guidehouse Insights กล่าวว่า “ราคาจำหน่ายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเมินเฉยรถปลั๊กอินไฮบริดและเลือกรถไฮบริดมากกว่า เพราะรถปลั๊กอินไฮบริดจะมีราคาแพงกว่ารถไฮบริดพอสมควร เนื่องจากต้องใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังมากกว่า และมีระบบอิเลคโทรนิคส์ที่ซับซ้อนกว่า”
ปัจจุบัน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จัดจำหน่ายรถยนต์ในเกือบทุกเซกเมนท์ ตั้งแต่รถซิตี้คาร์ รถเอสยูวี รถกระบะ รถเอ็มพีวีไปจนถึงรถสปอร์ตสมรรถนะสูง โดยมีการวางกลยุทธ์การทำตลาดรถไฮบริดในบางรุ่นที่พวกเขาเชื่อว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้
ขณะที่รถปลั๊กอินไฮบริดของ Toyota ในปัจจุบันมีไม่กี่รุ่นเท่านั้น หากนำ Prius Prime มาขายเมืองไทยก็จะทับซ้อนกับ Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน หรือถ้าจะขาย RAV4 PHEV ก็จะมีราคาสูงกว่าคู่แข่งและอาจมีตำแหน่งการตลาดเหลื่อมล้ำกับ Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) ถึงแม้จะเป็นรถอเนกประสงค์คนละประเภทกันก็ตาม
ในตลาดจีน Toyota เปิดตัว Corolla PHEV ที่งาน 2018 ปักกิ่ง มอเตอร์โชว์ แต่ตามหลักการ รถที่จำหน่ายในจีนแผ่นดินใหญ่นั้นส่วนมากถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตลาดแดนมังกรโดยเฉพาะและจะไม่ขายในประเทศอื่น
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากปัจจัยรอบด้านแล้ว คงอีกนานกว่าที่เราจะได้สัมผัสรถปลั๊กอินไฮบริดจากยักษ์ใหญ่เจ้าตลาดอย่าง Toyota เพราะลำพังแค่รถไฮบริดก็ทำงานผลงานได้อย่างน่าพึงพอใจอยู่แล้ว
หรือหากพวกเขาเห็นว่ารถพีเอชอีวีของคู่แข่งทำผลงานได้ดีก็อาจหันมาเดินหน้ารุกบ้างก็เป็นได้
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}