Ford (ฟอร์ด) ประเทศไทย ทำการเปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่นย่อยใหม่ เอาใจคนไทยกันทุกรูปแบบ ทั้งคนมีครอบครัวที่ต้องการความแรง, คนใช้รถทำงาน และคนต้องการประหยัด เพราะมีทั้ง
- Ford Everest Wildtrak
- Ford Ranger Stormtrak
- Ford Ranger XLS
เราจะพาไปดูกันว่า แต่ละรุ่นเขามีอะไรเด่น, ได้อะไรเพิ่มมาบ้าง เพราะบอกได้เลยว่าเขาให้ออพชั่นมาเยอะจริง ๆ
Ford Everest Wildtrak
สำหรับ Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) เจเนอเรชันใหม่ ได้มีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่รุ่น Wildtrak เข้าไปเป็นครั้งแรก ที่จะมีการออกแบบแตกต่างไปจากรุ่นอื่นอย่างชัดเจน
โดยในรุ่น Wildtrak จะมีการออกแบบด้านหน้าที่คล้ายกับพี่น้อง Ford Ranger Wildtrak ที่เปิดตัวมาก่อนหน้า ด้วยกระจังหน้าเสริมการตกแต่งสีเทาเพิ่มความดุดัน
ปกติในตัวท็อปจะมีการคาดกลางด้วยสีโครเมี่ยมแต่ในรุ่นนี้มาเป็นสีเทา พร้อมตัวอักษร WILDTRAK สีดำบนฝากระโปรงหน้า ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วลายใหม่ พร้อมยางขนาด 255/55 R20
ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งสีดำ ใช้เบาะหนังและหนังสังเคราะห์สีดำเดินด้วยด้ายสีส้ม และโลโก้ 'Wildtrak’ ที่เบาะคู่หน้า
เครื่องยนต์ของ Everest Wildtrak ยงคงใช้เครื่องยนต์แบบเดิมคือขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลัง 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4
เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E- Shifter มีตัวเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery, Mud/Ruts และ Sand เพื่อสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพพื้นผิว
ในส่วนของระบบความปลอดภัยก็ยังเหมือนเดิม ที่โดดเด่นคือ
- ถุงลมนิรภัย 7 จุด
- สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง
- เบรกมือไฟฟ้า
- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ
- ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ Stop&Go
- ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
- ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด
- กล้องมองรอบคัน 360 องศา
- ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
- ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ
- ระบบตรวจเช็กลมยาง
Ford Ranger Stormtrak
แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของคนซื้อรถกระบะคือซื้อมาใช้ทำงาน จึงจัดมาให้เป็นรุ่นใหม่คือ Ford Ranger Stormtrak
สิ่งที่ใหม่คือได้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด E-Shifter พร้อมเทคโนโลยีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Fully Automated Park Assist) ที่ต้องบอกเลยว่าใน Ranger Wildtrak ก็ยังไม่มีมาให้
เพื่อเอาใจคนทำงาน Ranger Stormtrak ให้ราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) ให้ผู้ขับขี่ปรับรูปแบบสปอร์ตบาร์ด้วยมือเปล่า เลื่อนจุดล็อคได้ 5 ตำแหน่ง
รองรับการติดตั้งหรือขนย้ายอุปกรณ์เพื่อไปเที่ยวและการทำงานได้หลายรูปแบบ รองรับน้ำหนักสูงสุด 80 กก. (ขณะขับ) และ 250 กก. (ขณะจอด)
ส่วนการออกแบบภายนอกเพิ่มความดุดัน ด้วยกระจังหน้าดีไซน์คล้าย Ranger Wildtrak คือมีการ์ดกันชน และกระจังหน้าพร้อมเส้นคาดสีดำเงา แตกต่างกันตรงที่มีรายละเอียดสีแดงอยู่ด้านล่าง มีสติกเกอร์คาดด้านข้างมาให่
ภายในใช้เบาะหนังและหนังสังเคราะห์ตกแต่งสีดำ-แดงใหม่ ติดไฟ AUX Lamp (ทำงานเมื่อเปิดไฟสูง) มาให้เป็นครั้งแรกในฟอร์ด เรนเจอร์ เพื่อช่วยเพิ่มทัศนวิสัย และความปลอดภัยในการขับเวลากลางคืน
ยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลัง 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เลือกได้ระหว่างระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 และ 4x2
นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้ง ฝาปิดกระบะท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้า (Power Roller Shutter) จากโรงงานเพิ่มเติมได้
Ford Ranger XLS
และรุ่นใหม่อีกรุ่นคือ Ford Ranger XLS ที่จะตอบตอบโจทย์การใช้งานกลุ่มลูกค้าเจ้าของธุรกิจที่ต้องการความประหยัด แต่ก็ยังมีออพชั่นต่าง ๆ มากพอรวมถึงความปลอดภัย
ด้วยไฟหน้า LED มัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อม DRL LED ให้บันไดเหยียบข้างกระบะท้ายมา ได้กล้องมองหลัง พวงมาลัยไฟฟ้า ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
Ranger XLS เลือกได้ทั้งแบบ 4 ประตู และแบบตอนครึ่ง ยังใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 405 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเท่านั้น
ส่วนระบบความปลอดภัยจะประกอบไปด้วย
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (เฉพาะรุ่นตอนครึ่ง)
- ถุงลมนิรภัย 6 จุด (เฉพาะรุ่น 4 ประตู)
- ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
- กล้องมองหลังขณะถอยจอด
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
- ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist)
- ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation)