แวะชม 5 สิ่งที่ทำให้ 2021 MG5 ยังน่าสนใจ และควรรอดูราคา ก่อนตัดสินใจซื้อรถใหม่ช่วงนี้

แม้ว่า 2021 MG5 (เอ็มจี5) อาจจะทำให้เรารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย กับการที่พวกเขาไม่เอาเครื่องยนต์เทอร์โบเวอร์ชั่นประเทศจีนเข้ามาทำตลาดเสียที จนทำให้หลายคนอาจจะรู้สึกโกรธจนจะหันไปตัดสินใจซื้อรถอีโคคาร์สักคันแทนเสียเลย

แต่อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ 20 กรกฎาคมที่ MG (เอ็มจี) ประเทศไทย จะประกาศราคาจำหน่ายของรถคันนี้อย่างเป็นทางการ ซึ่งทำให้เรามานั่งหาเหตุผลว่า อะไรกันหนอที่ทำให้คุณยังไม่ควรตัดรถคันนี้ทิ้งออกจากลิสต์รถยนต์ที่น่าใช้งานอยู่

เพราะเอาจริง ๆ จากที่เราสัมผัสมาจากคันจริง รถคันนี้มีอะไรหลายเรื่องที่น่าติดตาม และน่าจะเป็นจุดขายที่ดีสำหรับคนที่อยากได้รถใช้งานในระยะยาว รองรับความต้องการหลากหลาย และมีบางสิ่งที่น่าใช้งานมากกว่าอีโคคาร์แน่นอน

อ่านเพิ่มเติม: พาชม 2021 MG5 ภายนอกสวย ภายในเนี๊ยบ ของเล่นเพียบ เสียแค่เครื่องเทอร์โบไม่มา ลุ้นราคา 6-8 แสน 20 ก.ค.

หนึ่ง ราคาจำหน่ายที่อาจจะถูกลงกว่าเดิม

เอ็มจีนั้นเคยทำตลาดรถรุ่นเดิมในประเทศไทยมาแล้ว ด้วยราคาตั้งแต่ 6.49 แสนบาทในรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดา ไปจนถึง 7.59 แสนบาท ในรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบพร้อมซันรูฟ การเลือกใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกับ MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) นั้น จะทำให้พวกเขาไม่มีต้นทุนในการพัฒนาเครื่องยนต์มาทดแทน ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงในสถานการณ์ปัจจุบัน ก็มีความเป็นไปได้สูง ที่พวกเขาจะต้องทำราคาลงมาให้แข่งกับคู่แข่งในกลุ่มบี-เซกเมนต์ได้มากขึ้น แต่ก็อย่าคาดหวังว่าจะลงมาเหลือ 5-6 แสนบาท แบบนั้นก็เกินไป

สอง การตอบสนองน่าจะดีกว่าตอนอยู่กับแซดเอส

แน่นอนว่าการเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่ให้กำลัง 114 แรงม้า พร้อมแรงบิด 150 นิวตันเมตร พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รวมถึงเฟืองท้ายที่ยกมาจากแซดเอสทั้งหมด อาจจะทำให้หลาย ๆ คนคิดว่าการตอบสนองของรถน่าจะไม่ทันใจอย่างแน่นอน แต่เราคิดว่า มันน่าจะดีกว่าตอนอยู่ในครอสโอเวอร์รุ่นดังกล่าว เพราะตัวรถของเอ็มจี5 มีความโฉบเฉี่ยวและหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีกว่า รวมถึงน้ำหนักก็น่าจะน้อยกว่าเช่นกัน แม้จะไม่ปรู๊ดปร๊าดมากอย่างที่คิด แต่ก็น่าจะให้การตอบสนองที่ดีกว่าเดิมแน่นอน

สาม ขนาดใหญ่กว่าซี-เซกเมนต์ รองรับ 5 ที่นั่งสบาย ๆ

ความได้เปรียบของเอ็มจี5 ก็คือ พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการเจาะกลุ่มลูกค้าตรงกลางระหว่างบีและซี เซกเมนต์ได้อย่างดี แม้รุ่นเดิมจะขาดความต่อเนื่องในการทำตลาด แต่หลักการเดิมที่ว่า ขนาดเท่าซี ในราคาที่บีเอื้อมถึงก็ยังมีมาอยู่ และรถรถคันนี้มาพร้อมขนาดกว้าง 1,842 มิลลิเมตร ยาว 4,675 มิลลิเมตร สูง 1,480 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อ 2,680 มิลลิเมตร เรียกว่าใหญ่กว่าทั้ง Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) และ Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) สามารถรองรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 5 คนได้อย่างสบาย ๆ

สี่ ของเล่นเยอะมาก พร้อม Digital Key สุดเจ๋ง

รถคันนี้ถือเป็นรถที่ให้อุปกรณ์ในการใช้งานมาเยอะที่สุดคันหนึ่งในคลาส เทียบได้กับทั้งกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กและรถยนต์นั่งระดับกลางแบบไม่เคอะเขินหรืออับอาย ทั้งอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ด้านการช่วยเหลือการขับขี่ และการอำนวยความสะดวกในการใช้งาน แถมยังเป็นคันแรกในคลาสที่มาพร้อมดิจิทัล คีย์ ที่ทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นในการเปิด-ปิดรถ สตาร์ท-ดับเครื่องยนต์ และแชร์กุญแจให้คนอื่นได้ผ่านแอพพลิเคชั่น เรียกว่าทำให้คุณใช้งานมันได้แบบไม่ต้องพกกุญแจหรือการ์ดอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น น่าสนใจอยู่นะ

ห้า ระบบความปลอดภัยที่รถญี่ปุ่นต้องมองค้อน

เรื่องของเซฟตี้นั้นถือเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้รถใช้ถนนไปแล้ว ยิ่งรถยนต์มีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ความปลอดภัยเท่าไหร่ เราก็จะใช้งานรถคันนั้นบนท้องถนนได้อย่างสบายใจ MG5 นำโด่งมาด้วยถุงลมนิรภัย 6 ลูก กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ ระบบเตือนมุมอับสายตา ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง ระบบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง รวมไปถึงระบบเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลนขณะขับขี่ เรียกว่ามีมาให้กันอย่างครบครัน แต่แน่นอนว่า จะมากันแบบนี้ต้องรอซื้อตัวท็อปเท่านั้นนะ

6 สี 3 รุ่นย่อย ถ้าราคามาดีมาก คงขายกันกระหึ่ม

MG5 จะวางจำหน่ายด้วยทางเลือก 6 สี สีเหลือง (Nuclear Yellow) สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเงิน (Silver Metallic) สีแดง (Scarlet Red) และสีเทา (Metal Ash Grey) จับคู่กับภายใน 2 รูปแบบ ใน 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย รุ่น C รุ่น D และรุ่น X ราคาจำหน่ายนั้น AutoFun Thailand เชื่อว่าพวกเขามีประสบการณ์ในการทำราคารถให้ขายดี ทั้ง MG ZS และ MG HS (เอ็มจี เอชเอส) มาก่อนแล้ว มารอลุ้นกันวันที่ 20 นี้ ว่ามันจะน่าสนใจเพียงใด และทำให้รถรุ่นนี้ออกมาวิ่งกันเต็มถนนเหมือนตอนแซดเอสได้หรือไม่!!!