อนาคตใหม่ของการเดินทางในประเทศไทยจะเป็นอย่างไรยังเป็นเรื่องที่ต้องคิดกันอยู่ไม่รู้จบ แต่ผลลัพธ์คือต้องตอบโจทย์วิถีชีวิตปัจจุบันและทำให้ชีวิตเป็นไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม
โครงการ “CU TOYOTA Ha:mo” จึงเป็นโครงการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างระบบขนส่งสาธารณะมายังมหาวิทยาลัยให้ดียิ่งขึ้น โดยนำยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่เรียกว่า Toyota COMS มาใช้ และเริ่มโครงการในปีพ.ศ. 2560
Toyota COMS เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาด 1 ที่นั่ง ในโครงการจะเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 แล้ว โดยสามารถขับได้เพียง 50 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และมีความเร็วสูงสุดเพียง 60 กม./ชม. โดยโตโยต้าระบุว่าหากจะชาร์จรถคันนี้ให้เต็มต้องใช้เวลา 6 ชั่วโมง
ในการใช้งาน CU Toyota Ha:mo จะต้องลงทะเบียนกับทางมหาวิทยาลัยโดยต้องใช้ใบอนุญาตขับขี่ เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยก็สามารถจองรถและเลือกจุดหมายปลายทางผ่านแอพลิเคชั่น CU Toyota Ha:mo เมื่อถึงเวลาจองแล้ว การเข้า-ออกรถสามารถทำได้ด้วยโทรศัพท์ที่ใช้จองหรือ IC Card
สิ่งที่เป็นข้อดีข้อแรกของ Ha:mo ก็คือราคา โดยคิดค่าบริการ 20 นาทีแรกเพียง 30 บาท หากขับเกินจากนั้นคิด 2 บาท/นาที และจะได้ Ha:mo points เป็นคะแนนหลังขับเพื่อใช้เป็นส่วนลดให้กับครั้งต่อไปได้ด้วย
ค่าบริการของ Ha:mo จะคงที่ เมื่อเทียบกับวินมอเตอร์ไซค์ ในระยะทางเท่ากัน พี่วินอาจคิดเงินเรา 25, 30 หรือ 50 บาทก็ได้ แต่ Ha:mo จะคงอยู่ที่ 30 บาท (โดยปกติผู้เขียนขับเกิน 20 บาท เพียงไม่กี่ครั้ง เพราะคะแนนที่สะสมและมีโปรโมชั่นตลอด)
ข้อดีต่อมาเราอาจไม่ต้องเบียดกับความแออัดของ “รถป๊อบ” หรือ “CU POP Bus” ซึ่งเป็นรถประจำทางภายในจุฬาฯ และในบางครั้งที่เราขัดใจกับความรวดเร็วของรถป๊อบในเวลาที่เรารีบไปเข้าเรียน (รถป๊อบ เป็นคำเรียกมาจาก รถ ปอ.พ. หมายถึงรถปรับอากาศพิเศษ)
ด้วยข้อดีต่าง ๆ อาจฟังดูแล้ว Ha:mo น่าจะเป็นที่นิยม แต่สิ่งที่เป็นข้อเสียก็มีเช่นกัน ได้แก่
CU POP Bus ถึงจะช้ากว่า แต่ฟรี รถประจำทางในจุฬาฯ เป็นบริการจากทางมหาวิทยาลัยที่ไม่มีค่าใช้ง่าย แม้บางครั้งจะรอนาน แต่นักศึกษาก็เลือกที่จะใช้รถป๊อบมากกว่า และยังมีทางเลือกอื่น ๆ เช่น สามล้อไฟฟ้า muv me เป็นต้น
ต่อมาคือไม่ใช่ทุกคนที่สามารถขับรถได้ หลายคนโดยเฉพาะนักศึกษาอาจยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และหลายคนไม่ต้องการที่จะขับรถ
เส้นทางจำกัด แม้ความครอบคลุมเส้นทางของ Ha:mo จะเป็นไปตามหลักการที่นำคนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ
แต่พฤติกรรมการเดินทางของคนอาจไม่ตอบโจทย์การใช้งานของ Ha:mo เช่น นักศึกษาต้องการกลับหอพักแถวถนนบรรทัดทองถ้าใช้ Ha:mo ก็ต้องเสียเงิน 2 ต่อ นั่งวินฯ หรือเดินไปทีเดียวจะดีกว่า หรือนักศึกษาต้องการไปเดินเล่นที่ Central World ก็ต้องเสียเงิน 2 ต่อในแบบที่คล้าย ๆ กัน
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ บวกกับสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ทำให้การ “แบ่งปันรถกันใช้” หรือ “ride-sharing” ทำได้ยากขึ้นเนื่องด้วยมาตรการต่าง ๆ และการเปิด-ปิดมหาวิทยาลัย(แบบกระทันหัน) จึงทำให้ CU TOYOTA Ha:mo ประกาศปิดให้บริการถาวรตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป
Toyota COMS ยังถูกนำมาใช้ในโปรเจคของประเทศต่าง ๆ เช่น ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างอินโดนีเซีย บนเกาะบาหลี
โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยวในและรอบ ๆ พื้นที่ Nusa Dua Bali ด้วยรูปแบบการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยสามารถใช้ Toyota COMS เป็นรถเช่าขับเที่ยวรอบพื้นที่เกาะได้
นอกจากนี้ ในโครงการสีเขียวนี้ยังใช้ Toyota C+pod และ Toyota Prius Plug-in Hybrid (PHEV) เข้ามาด้วย โดยจะใช้ Prius PHEV สำหรับการรับ-ส่งไปยังสนามบินกับพื้นที่ Nusa Dua Bali ส่วน C+pod จะถูกใช้ในการเดินทางภายในเกาะ
ทางรัฐบาลอินโดนีเซียมีแผนที่จะสร้างโครงข่ายสถานีชาร์จด้วยการสร้างโครงข่ายสถานีชาร์จแผงโซลาร์เซลล์เพื่อเป็นพลังงานให้อีวีคันจิ๋วเหล่านี้
โครงการนี้ไม่ได้เพียงเป็นการส่งเสริมเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจใคร แต่ทางโตโยต้าอินโดนีเซีย (Toyota Astra Motor-TAM) ยังใช้โอกาสในการรวบรวมข้อเสนอแนะจากผู้ใช้สำหรับแผนการใช้พลังงานไฟฟ้าของอินโดนีเซียอีกด้วย
และ TAM ยังใช้โอกาสในบาหลีเพื่อเรียนรู้ข้อดีและความท้าทายของอีวีแต่ละประเภทว่าประเภทไหนเหมาะกับความต้องการของพื้นที่มากที่สุด
การเดินทางในอนาคตเป็นสิ่งที่เราต้องถกเถียงกันอีกยาวไกลเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งมีบริบทของเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ การนำความสำเร็จจากพื้นที่อื่นมาใช้โดยตรงอาจเป็นไปได้ยาก จึงอาจต้องสร้างวิธีที่เหมาะสมเพื่อตอบโจทย์คนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด
อ่านเพิ่มเติม : เปิดตัว Toyota C+pod รถไฟฟ้าขนาดเล็ก ใครบอกว่า Toyota ไม่ทันโลกรถไฟฟ้า?
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}