ครอบครัวหนึ่งในฟลอริดากำลังรู้สึกท้อแท้ เมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามือสองมาใช้ไม่นาน แล้วพบว่าค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ใน Ford Focus Electric ปี 2014 มือสอง มีมูลค่าแพงกว่าราคามือสองของตัวรถซะเอง แถมมีราคารับซื้อคืนขาดทุนยับเยิน
2014 Ford Focus Electric (ฟอร์ด โฟกัส) ถูกซื้อโดย Avery Siwinski สาวอายุ 17 ปีที่ตื่นเต้นกับการมีรถไป-กลับจากโรงเรียน ครอบครัวเธอจ่ายเงิน 11,000 ดอลลาร์สำหรับรถยนต์คันนี้ ซึ่งใช้งานมาแล้ว 60,000 ไมล์ (96,560 กม.) “ตอนแรกก็ใช้งานโอเค” Siwinski บอกกับสำนักข่าว ABC “ฉันรักมันมาก มันมีขนาดกะทัดรัด และขับได้เงียบ แล้วจู่ ๆ มันก็หยุดทำงาน”
Siwinski ซื้อรถ Focus Electric ของเธอเพียง 6 เดือน ก่อนที่แผงหน้าปัดจะสว่างขึ้น พร้อมข้อความเตือน พอครอบครัวนี้ขับไปที่ร้าน แล้วรถก็หยุดทำงานไปเลย ปรากฏว่า นี่เป็นปัญหาที่พบบ่อยมากสำหรับรถคันนี้โดยเฉพาะ ตัวแทนจำหน่ายฟอร์ดได้แนะนำว่า ให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ โดยมีราคา 14,000 เหรียญ
การที่ซื้อ EV มือสองมาด้วยราคา 11,000 เหรียญ และต้องเปลี่ยนอะไหล่แบตราคา 13,000 เหรียญนั้น เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ นั่นมากกว่าที่ครอบครัวจ่ายไป 3,000 ดอลลาร์สำหรับค่าอะไหล่ชิ้นใหญ่นี้ และยังไม่รวมค่าติดตั้งและค่าแรงจะทำให้ราคาเปลี่ยนแบตเตอรี่สูงขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : 2022 Ford Focus ใหม่ได้จอใหญ่ขึ้น พร้อมไฮบริดประหยัดถึง 20.3 กม./ลิตร เริ่ม 1.02 ล้านบาท
ถ้าเจ้าของรถไม่ต้องการเปลี่ยนแบตแล้วล่ะก็ ทางศูนย์บริการ Ford Auto Nation ได้เสนอเงิน 500 ดอลลาร์เพื่อซื้อรถเข้า ในสภาพแบตเสื่อมตามที่เป็น เมื่อหักลบจากค่าตัวที่เขาซื้อมา นั่นหมายความว่า เขาเสียเงิน 10,500 เหรียญสหรัฐ ได้รถยนต์ไฟฟ้ามือสองมา เพื่อที่จะใช้งานเพียง 6 เดือนเท่านั้น
จากการค้นหาเพิ่มเติมในภายหลัง เขาพบว่าอะไหล่แบตเตอรี่ไม่มีให้สำหรับรถรุ่นนี้ด้วยซ้ำ “ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญว่าจะยอมซ่อมหรือไม่ เพราะพวกเขาสามารถหาอะไหล่ได้ แม้จะจ่ายมากเป็นสองเท่า มีเงินแค่ไหนเรายังไม่สามารถซื้อได้ ซึ่งยังไม่มีบทสรุปว่าตอนนี้ ครอบครัวดังกล่าวจะยอมขายขาดทุนยับหรือไม่
อ่านเพิ่มเติม : มือสองต้องรู้ Ford Focus 1.5 ecoboost เกียร์ใหม่ หมดปัญหาซ่อม ดีทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือ ?
ครอบครัวรายนี้ยังฝากบอกต่อผู้ที่ต้องการซื้อ EV คือ คุณหาข้อมูลของคุณ ด้านการซ่อมบำรุงกลไกขับเคลื่อน และชุดแบตเตอรี่เป็นส่วนที่ซับซ้อนและสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถูกออกแบบมาทำให้เปลี่ยนได้ยากและมีราคาแพงด้วย
นี่อาจจะเป็นเรื่องปกติของรถยนต์ไฟฟ้าในตอนนี้ เพราะเคยมีกรณีรถ Tesla (เทสลา) มีราคาแบตเตอร์รี่ประมาณ 25,000 ดอลล่าร์ หรืออย่างในเมืองไทยก็มีราคาแบต ORA Good Cat ที่มีมูลค่าประมาณ 520,000 บาท นับว่าเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าตัวรถจริง สิ่งนี้เองทำให้การซื้อ EV มือสองต้องดูประวัติมาก่อนว่าถูกเปลี่ยนแบตมานานหรือยัง
อ่านเพิ่มเติม : เผยค่าเปลี่ยนแบต Tesla Model S และ Model 3 ราคาเท่ากับ Almera ป้ายแดง 1 คันในสหรัฐอเมริกา
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}