ตั้งแต่การเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยของค่าย MG (เอ็มจี) ก็ถือว่าเข้ามาเป็นผู้บุกเบิกความนิยมในตลาดรถยนต์แบบครอสโอเวอร์ทั้งใน MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) และ MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของไทย
แต่รถยนต์หนึ่งประเภทที่พวกเขายังไม่เคยทำออกมาให้คนไทยได้สัมผัสกันก็คือแบบไฮบริด จนได้มีการเปิดตัวของ MG VS HEV (เอ็มจี วีเอส) ที่จะเข้ามาเติมเต็มไลน์อัพ และยังคงมาในราคาเข้าถึงได้ด้วยการเริ่มต้นที่ บาท
สำหรับ MG VS มีให้เลือกด้วยกัน รุ่นย่อย ด้วยราคา
ราคา MG VS HEV | |
---|---|
รุ่น | ราคา (บาท) |
D | 859,000 |
X | 919,000 |
โดยรุ่น D จะมีสีภายในเป็น สีดำล้วน มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี คือ
รุ่น X มีสีให้เลือกทั้งแบบโมโนโทน (สีเดียว) และทูโทน แบบโมโนโทนมีสีภายในเป็นสีดำล้วน มีสีตัวถังให้เลือก 3 สีได้แก่
ส าหรับสีทูโทนมีสีภายในเป็นแบบทูโทนขาวสลับดำ มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่
ต้องบอกว่า เอ็มจี วีเอสนั้น ได้แพลตฟอร์มเดียวกันกับเอ็มจี แซดเอส แต่มาในหน้าตาที่แปลกใหม่ที่ดูจะแฝงกลิ่นอายรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไป ด้วยกระจังหน้าแบบ Electrified Matrix Grille Design ที่ซ่อนช่องรับลมเอาไว้ภายใต้ลายสามมิติ
ไฟหน้าจะมีการปรับเปลี่ยนโคมมาใหม่เป็น LED Projector พร้อมฟังก์ชั่นเปิด-ปิดอัตโนมัติ แต่ยังคงมีไฟส่องสว่างขณะวิ่งกลางวันลายเดิม เชื่อมด้วยเส้นสีดำเงาขนาดใหญ่
อ่านเพิ่มเติม เราควรซื้อ MG ZS EV ที่แพงกว่า MG ZS เพื่อประหยัดเชื้อเพลิงหรือไม่
ด้านของช่องรับลมสีดำด้านข้างก็เป็นทรงใหม่เช่นกัน พร้อมทั้งกันชนล่างสีดำ สังเกตุได้ว่ามีการเพิ่มเส้นสีฟ้าเข้าไปหลายจุดทั้งกันชน, ช่องดักลม และบริเวณไฟหน้าเพื่อบ่งบอกความเป็นไฮบริด เน้นการทำสีตัวรถแบบทูโทน/หลังคาดำ
ด้านหลังจะยังเหมือนเดิมทุกประการ แต่จะเปลี่ยนกันชนล่าง และล้อขนาด 17 นิ้วพร้อม Aero Wheel Cover ที่ช่วยลดแรงต้านลมไปเป็นแบบของเอ็มจี แซดเอส อีวีแทน
มิติตัวถัง MG VS (มม.) | |
---|---|
ยาว | 4,370 |
กว้าง | 1,809 |
สูง | 1,653 |
ระยะฐานล้อ | 2,585 |
ขยับเข้ามาด้านในตัวรถก็จะพบกับหน้าจอคู่ขนาด 12.3 นิ้ว Dual Widescreen Cockpit ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของเซกเมนท์นี้ ประกอบไปด้วยหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ และหน้าจอแบบสัมผัสรองรับ Apple Carplay / Android Auto ควบคุมด้วยแผงเรืองแสงด้านใต้หน้าจอเพื่อเป็นการลดปุ่มลง
สามารถเลือกสีได้ระหว่างรุ่นทูโทน หรือดำล้วน และยังคงการตกแต่งรอบคันด้วยเส้นสีฟ้าไว้ อุปกรณ์อื่น ๆ ภายในรถประกอบไปด้วย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น, กระจกมองหลังตัดแสง, แท่นชาร์จไร้สาย, หลังคา Panoramic Sunroof, ลำโพง 6 ตำแหน่ง
ตัวเบาะนั่งผู้ขับขี่นั้นสามารถปรับไฟฟ้าปรับได้ 6 ทิศทาง แต่ผู้โดยสารยังคงปรับด้วยมืออยู่ และช่องแอร์พร้อมที่ชาร์จไฟตอนหลัง
อีกหนึ่งไฮไลท์ของฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกคือ ระบบปฏิบัติการ i-SMART ซึ่งรองรับ Digital Key Technology ไม่ต้องพกกุญแจรถ และสามารถรับ/ส่งข้อมูลกุญแจดิจิทัลผ่านสมาร์ทโฟนได้
ดูโดยรวมแล้วเหมือนจะให้มาดีกว่ารุ่นพี่อย่าง MG HS (เอ็มจี เอชเอส) เสียอีก
ตัวรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร VTi-TECH ผสานการทำงานกับขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ให้กำลัง 177 แรงม้า
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ e-cvt เป็นครั้งแรก พร้อมโหมดการขับขี่เลือกได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Comfort และ Sport และรถมาพร้อมระบบคืนกำลังจากการเบรก KERS ที่เซตอัพได้ 3 ระดับ
ปกติแล้วคนไทยจะรู้กันดีว่าค่าย MG นั้นจะมาพร้อมกับกับความคุ้มค่าของออพชั่นในราคาย่อมเยาว์ แต่ใน MG VS นี้อาจจะต้องมีความจำเป็นในการตัดออพชั่นออกไปบ้างเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม
โดยจะประกอบไปด้วยกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ High Definition ทำงานร่วมกับชุดระบบ Synchronized Protection System รวม 12 ระบบ คือ
น่าเสียดายที่ไม่มีระบบ Cruise Control หรือ Blind Spot มาให้ แต่ก็ยังดีที่มีเบรคมือไฟฟ้า และกล้องมองรอบคันพร้อมเซนเซอร์หลังมาให้
MG VS HEV นั้น พอดูรวม ๆ แล้ว เป็นรถที่มีการออกแบบให้ดูหวือหวาทั้งภายนอกภายใน ด้วยกระจังหน้าแบบใหม่และจอคู่ยาวต่อกัน
แต่เมื่อดูในด้านของระบบความปลอดภัยแล้วอาจจะยังดูน้อยกว่าคู่แข่งเจ้าตลาดหลายราย แต่ก็เข้าสู้ด้วยราคาที่ทำมาดีกว่าอยู่พอสมควร
จึงทำให้ MG VS จะดูเหมาะกับคนที่ชอบของใหม่หน้าตาไม่ซ้ำใครในตลาด และระบบภายในที่เขาว่าเทียบชั้นยุโรปได้เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องสมรรถนะการขับขี่อาจต้องลองไปทำการทดสอบกันก่อน ซึ่งหากมีโอกาสเราจะมาบอกกับทุกท่านอย่างโดยเร็ว
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}