2022 MG VS HEV (2022 เอ็มจี วีเอส เอชอีวี) สปอร์ตไฮบริดเอสยูวีรุ่นแรกของเอ็มจี ซึ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ มาพร้อมแนวคิด ABSOLUTE ที่บ่งบอกถึงความสมบูรณ์แบบในด้านต่าง ๆ ของตัวรถ
รถคันนี้อยู่ในกลุ่ม B-SUV ซึ่งเป็นกลุ่มของเอสยูวีที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ และเอ็มจีต้องการเป็นอีกค่ายรถยนต์ที่นำรถเครื่องยนต์ไฮบริดลงแข่งขันในตลาดเซกเมนต์นี้
มร. จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การมาของ NEW MG VS HEV ถือเป็นหนึ่งในหมัดเด็ดของเอ็มจีที่จะเข้ามาสร้าง “จุดเปลี่ยน” ให้กับยนตรกรรมในกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นตลาดที่เอ็มจีมองเห็นโอกาสและการเติบโต
ด้วยแนวคิดของรถที่บ่งบอกถึง “ความสมบูรณ์แบบ” ในด้านต่าง ๆ เราจึงอยากแนะนำสิ่งที่น่าสนใจของ MG VS HEV ว่าจะถูกใจใครหลายคนหรือไม่
ดีไซน์ภายนอกของ MG VS HEV นั้นมีรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยกระจังหน้าแบบ Electrified Matrix Grille Design เพิ่มการตกแต่งโดยใช้สีฟ้าบริเวณกระจังหน้า และกันชนหน้า ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อม Aero Wheel Cover ช่วยเพิ่มแอโรไดนามิกส์ของรถให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ไฟหน้าแบบ LED Projector เปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Light) และไฟท้าย LED ที่ดูโฉบเฉี่ยว
มิติตัวถังของตัวรถมีความยาว 4,370 มม. ความกว้าง 1,809 มม. ความสูง 1,653 มม. และมีระยะความยาวฐานล้อ 2,585 มม. ซึ่งถือว่าสูสีกับคู่แข่งเลยทีเดียว
นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว MG VS HEV ยังมีการออกแบบภายในที่ดูล้ำสมัย เริ่มตั้งแต่ตัวเลือกของสีภายในห้องโดยสารที่มี 2 ทางเลือก ได้แก่ สีทูโทน ดำ-ขาว และสีดำ มีการสอดแทรกการตกแต่งโดยใช้สีฟ้าเพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับรถรุ่นนี้
เมื่อเข้ามาในรถเราจะหน้าจอ Dual Widescreen Cockpit ซึ่งเป็นจอคู่ขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยที่ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผล Full Virtual Dashboard ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอ Touch Screen ขนาด 12.3 นิ้ว ควบคุมการทำงานผ่าน Illuminated Touch Panel
ภายในห้องโดยสารยังเพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยคอนโซลแบบสองชั้น Double Layer เพื่อเพิ่มอรรถประโยชน์ให้แก่รถ นอกจากนี้ การตกแต่งภายในยังตกแต่งด้วยวัสดุ Piano Black พวงมาลัยหุ้มหนังและคันเกียร์ตกแต่งลวดลาย Laser Pattern
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกยังมีมาให้อย่างครบครัน ได้แก่
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 2.13 kWh ให้กำลังรวม 177 แรงม้า ซึ่งถือว่าแรงที่สุดในตลาด
MG VS HEV นั้นมีอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาน้อยกว่า 9 วินาที สามารถเลือกโหมดขับขี่ได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Comfort และ Sport มาพร้อมช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension ที่มีช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่น บีม ระบบเบรก ด้านหน้ามาพร้อมดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน และด้านหลังเป็นดิสก์เบรก
นอกจากนี้ ยังมีระบบหน่วงคันเร่งเพื่อปั่นไฟกลับแบตเตอรี่ที่เรียกว่า KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่สามารถปรับความหน่วงได้ 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย
สำหรับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เมื่อมีการทดสอบกันแล้ว พบว่า มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ระหว่าง 14-17 กม./ลิตร โดยการทดสอบจะเน้นการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่ามีความประหยัดอยู่พอสมควร เมื่อเทียบกับสมรรถนะที่ให้มา
MG VS HEV นั้นมาพร้อมระบบความปลอดภัยตั้งแต่โครงสร้างของตัวรถ ไปยังระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟเซฟตี้ ได้แก่ ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Synchronized Protection System 12 ระบบ ได้แก่
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake), กล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง, ถุงลมนิรภัย คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light), จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX และระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
MG VS HEV นั้นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ i-SMART มาพร้อมกับ Digital Key Technology ซึ่งเป็นกุญแจดิจิทัลที่สามารถรับ-ส่งกุญแจผ่านสมาร์ทโฟนได้ โดยระบบ i-SMART นั้นมาพร้อมการเชื่อมต่อ 3 รูปแบบ ได้แก่
MG VS HEV มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น D และรุ่น X
รุ่น D จะมีสีภายในเป็นสีดำล้วน มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี คือ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) และสีแดง (Scarlet Red)
รุ่น X มีสีให้เลือกทั้งแบบโมโนโทนและทูโทน ดังนี้
ด้วยออพชั่น สมรรถนะ ความปลอดภัย จึงทำให้ MG VS HEV นั้นมีความคุ้มค่าน่าจับจอง ด้วยราคาทั้งสองรุ่นย่อยที่อยู่ระหว่าง 859,000 - 919,000 บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วพบว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}