2022 Haval H6 PHEV (ฮาวาล เอช6 พีเอชอีวี) รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของค่าย Haval (ฮาวาล) ที่เรียกเสียงฮือฮาด้วยการเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกในไทยที่วิ่งได้ระยะทาง 201 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามการเคลมของค่าย ที่สร้างความฮือฮาปนสงสัยจากผู้บริโภคว่ามันจะสามารถทำได้ตามนั้นจริงหรือไม่
ก่อนการประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 ตุลาคมที่จะถึงนี้ พวกเขาเปิดรับจองรถคันนี้พร้อมสิทธิ์อัลตร้าดีลมูลค่ากว่า 3 แสนบาท และได้รับการตอบรับด้วยยอดจองไปมากกว่า 7,000 คัน แต่ต้องมาลุ้นกันว่า เมื่อเปิดราคามาแล้ว จะสามารถเปลี่ยนยอดจองเป็นยอดจำหน่ายจริงได้จำนวนกี่คัน แม้ลอตแรกจะพร้อมส่งมอบราว 300 คันในปีนี้
ก่อนที่จะไปถึงการประกาศราคา ฮาวาล ได้เชิญสื่อมวลชนรวมถึง AutoFun Thailand เข้าร่วมการทดสอบสมรรถนะรถยนต์คันนี้อย่างเป็นทางการ เพื่อทดสอบระยะวิ่งและการปรับปรุงรถคันนี้ที่โดดเด่นขึ้นมาเหนือคู่แข่ง รวมถึงรถที่ทำตลาดอยู่ของตัวเอง ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งในเอสยูวีที่มีความโดดเด่นที่สุดบนท้องถนนคันหนึ่งในปัจจุบัน
ถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ที่คู่แข่งต้องคิดหนักว่าจะแข่งกันอย่างไรดี...
แม้ว่าฮาวาลจะเคลมตัวเลขการวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนของรถที่ความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งได้ไกลสุด 201 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ในการใช้านจริงต้องบอกว่ามีทั้งเรื่องที่ทำได้และทำไม่ได้ โดยในส่วนของระยะทางวิ่งนั้น มีการทดสอบกันแล้วว่าสามารถวิ่งกันได้ที่ระดับประมาณ 150 กิโลเมตรก่อนไฟหมด และความเร็วสูงสุดที่เราทำกันไปมากกว่า 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ยังไม่ตัดไปเป็นโหมดไฮบริดแต่อย่างใด จะมีก็แค่ในส่วนของเครื่องยนต์ที่จะทำงานขึ้นมาในกรณีคิกดาวน์รถเร็ว ๆ แค่เท่านั้น
แม้ว่าคุณจะเปลี่ยนไปใช้โหมดไฮบริดเพื่อการขับขี่ก็ตาม แต่หากแบตเตอรี่คุณยังเหลือมากพอ เครื่องยนต์ก็จะพยายามวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องให้มากที่สุด ตัวเครื่องยนต์นั้นอาจจะติดง่ายขึ้นกว่าตอนขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าเล็กน้อย และมีการปั่นไฟกลับเข้าแบตเตอรี่บ่อยกว่า แต่ก็ไม่ได้ขึ้นมาทำงานสอดประสานกันตลอดเวลา เว้นแต่เมื่อเราต้องการพละกำลังของรถอย่างต่อเนื่อง เครื่องยนต์ถึงจะกลับเข้ามาทำงานอย่างแข็งขัน และหากใช้ไฟจนหมดจริง ๆ แบตเตอรี่จะเก็บไว้ที่ต่ำกว่า 10% เพื่อใช้สนับสนุนการวิ่งนั่นเอง
การที่ติดตั้งแบตเตอรี่ขึ้นมาที่ด้านล่างของตัวรถ และมีน้ำหนักโดยรวมเพิ่มขึ้นมา 200 กิโลกรัม ทำให้ทีมวิศวกรต้องจัดการในเรื่องของช่วงล่างใหม่หมด และก็เป็นการแก้ปัญหาที่โช็คอัพด้านหลังยุบตัวมากเกินไปจากตอนเป็นเวอร์ชั่นไฮบริดธรรมดาไปพร้อม ๆ กัน ทำให้ได้รถที่มีช่วงล่างนุ่มนวลกว่าเดิม การรองรับแรงกระแทกที่ด้านท้ายนั้นทำได้ดีมากขึ้น ส่งผลให้อาการท้ายย้วยและโยนตัวเมื่อความเร็วสูงหายไปด้วย และทำให้รถมีความน่าใช้งานมากขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว
ใครที่เคยบ่นว่าทำไมเวอร์ชั่นไฮบริดไม่ให้ประตูหลังเปิดปิดด้วยไฟฟ้ามาให้ด้วยแต่แรก มาในเวอร์ชั่้นเสียบปลั๊กนั้นให้มาเป็นที่เรียบร้อย พร้อมการเปิดด้วยระบบคิกส์เซนเซอร์ ภายนอกนั้นมาพร้อมการเปลี่ยนลายกระจังหน้าใหม่เป็นแบบ Star Matrix และจุดที่เปลี่ยนไปอีกอย่างก็คือการติดตั้งที่ชาร์จไฟแบบ DC มาที่ด้านขวาของตัวรถ ซึ่งถือเป็นรถปลั๊กอินไฮบริดแบบแมสรุ่นแรกของประเทศไทย ที่มาพร้อมช่องชาร์จแบบดังกล่าว รองรับการชาร์จไฟไวสุด 48 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จจาก 0-80% ได้ภายใน 30 นาทีนั่นเอง
ห้องโดยสารภายในนั้นเหมือนเดิมไปทุกอย่าง เบาะที่นั่งแบบสั้น ๆ ไม่รับเข่าก็ยังมาอยู่ คอนโซลหน้าแบบ 2 ชั้นที่มาพร้อมไวร์เลส ชาร์จเจอร์ หน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาดใหญ่ที่รวมฟังชั่นส์ทุกอย่างเอาไว้ ก็ยังหาระบบค่อนข้างยากเหมือนเดิมสำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ กราฟฟิกที่หน้าจอแสดงผลสวยงาม พร้อมหน้าจอแสดงผลที่กระจกบังลม การเชื่อมต่อแอนดรอยด์ออโต้นั้นเสถียรขึ้นแล้ว แต่ยังต้องเสียบสายอยู่ และทีมงานของฮาวาลก็กระซิบว่า อาจจะมีเวอร์ชั่นแบบไร้สายตามออกมาอีกครั้งในอนาคต ที่ต้องตัดสินใจให้ดี เช่น ระบบแป้นคันเร่งอัจฉริยะ เปิดใช้ระหว่างทางไม่ได้นะ ต้องเลือกเปิดหรือปิดก่อนออกรถไปเลย
ระบบขับขี่อัตโนมัติ เลเวล 2+ แม้ฮาวาลจะไม่ได้เอ่ยชื่อนี้มากนักในการพรีเซนต์รถคันนี้ แต่ระบบที่ติดตั้งมาให้จากรุ่นไฮบริดก็ยังตามมาอย่างครบครัน ทั้งในอุปกรณ์ความสะดวกสบายในการใช้งาน อุปกรณ์และระบบด้านความปลอดภัยต่าง ๆ ที่มีไฮไลท์มากมายหลายระบบ ทั้งเรื่องของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบคุมรถในเลน ระบบป้องกันอุบัติเหตุมากมาย ระบบช่วยจอดรถ 3 รูปแบบ ระบบช่วยถอยรถอัตโนมัติ และระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ที่จะช่วยลดโอกาสในการชนซ้ำไปที่รถคันอื่น ๆ หากเกิดอุบัติเหตุแล้ว ซึ่งเป็นระบบที่ฮาวาลเน้นย้ำว่ามาก่อนใครในคลาส
ฮาวาล เอช6 พีเอชอีวี กำลังจะเปลี่ยนสมรภูมิการแข่งขันของตลาดเอสยูวี ปลั๊กอินไฮบริด ที่เน้นการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เป็นหลัก แล้วมีแบตเตอรี่ไว้ช่วยเร่งเครื่อง หรือวิ่งได้ระยะทางไม่ถึง 100 กิโลเมตร เป็นรถเอสยูวีที่เน้นการขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าได้ไกลกว่า 150 กิโลเมตร ด้วยการขับขี่แบบเต็มพลัง ให้การชาร์จไวสำหรับคนอยากประหยัดน้ำมันแต่รอชาร์จไฟได้ และยังเหนือกว่าด้วยอุปกรณ์ออพชั่นระบบความปลอดภัยที่เรียกว่าหาคนตามได้ยากในปัจจุบัน เป็นมาตรฐานใหม่ที่ค่ายรถหลายรายที่จะเปิดตัวรถตามมาอาจจจะต้องทำงานกันหนักขึ้นกว่าเดิม
ตอนนี้ก็รอลุ้นราคา ว่าลูกค้าที่จองไว้จะไปต่อหรือพอเถอะก็เท่านั้นเอง...
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}