Isuzu MU-7 (อีซูซุ มิว-เซเว่น) รถอเนกประสงค์พื้นฐานกระบะ PPV มีการพัฒนาออกรุ่นย่อยบ่อยมากๆ เพื่ออัพเกรดตัวเองให้ทัดเทียมคู่แข่งที่ครองแชมป์ยอดขายอยู่ข้างบน เราไปย้อนดูประวัติของ MU-7 ตั้งแต่ปี 2004 - 2013
รถอเนกประสงค์พื้นฐานกระบะ PPV จากค่ายอีซูซุคือรุ่น MU-7 ที่แสดงความตั้งใจทำตลาดในไทยอย่างมาก โดยมีการพัฒนาออกรุ่นย่อยแทบทุกปี เพื่ออัพเกรดตัวเองให้ทัดเทียมคู่แข่งที่ครองแชมป์ยอดขายอยู่ข้างบน เราไปย้อนดูประวัติของรถรุ่นนี้ตลอดตั้งแต่ปี 2004 - 2013 ว่ามีกี่โฉมบ้าง
Isuzu MU-7 เปิดตัวครั้งแรกปลายปี 2004 ใช้ชื่อ MU เพื่อเป็นการแสดงเชื้อสายมาจากตระกูล Cameo โดยคำว่า MU ย่อมาจาก Mysterious Utility หมายถึงความอเนกประสงค์ที่คาดไม่ถึง ชูจุดเด่นที่ความกว้างขวางแบบ 7 ที่นั่ง โดยเบาะแถวที่ 3 นั่งได้จริงไม่คุดคู้ มีทั้งขับเคลื่อน 2 และ 4 ล้อ
Isuzu MU-7 โฉมแรกสุดใช้เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 3.0 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลัง 146 แรงม้า โดยมีช่วงล่างหลังเป็นแหนบ (ที่ปรับปรุงให้นิ่มกว่ากระบะแล้ว)
ไมเนอร์เชนจ์แรก
ในปีต่อมา 2005 ก็ได้ไมเนอร์เชนจ์เล็กน้อย โดยเปลี่ยนกระจังหน้าให้มีลวดลายนูนต่ำ 3 มิติในกรอบทรงเดิม ส่วนห้องโดยสารเปลี่ยนใช้ลายไม้วอลนัท ปลายปีเดียวกันมีรุ่น limited โดยตัวรถเป็นสีดำมุก และสีขาวมุก พร้อมให้ออพชั่นเครื่องเล่น DVD เพิ่มมาตามสมัยนิยม โดยยังไม่เปลี่ยนเครื่องใดๆ
Isuzu MU-7 โฉมแรกเปิดตัวก่อนหน้าคู่แข่ง Toyota Fortuner เกือบครึ่งปี ชูจุดเด่นความกว้างขวางของ 7 ที่นั่ง และความประหยัดน้ำมัน แต่กลับทำยอดขายสู้ไม่ได้ เพราะก่อนการเปิดตัว Fortuner ไม่กี่เดือนนั้น เพราะฟอร์จูนเนอร์ได้ใช้ช่วงล่างหลังแบบสปริง แทนที่จะได้ใช้แหนบแบบ MU-7 อีกทั้งการที่ฟอร์จูนเนอร์มีทางเลือกเป็นเครื่องเบนซินด้วย ก็ทำให้จับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย จนกวาดยอดขายมากกว่าไปอย่างสมเหตุผล
อีกเหตุผลหลักที่ทำให้ยอดขาย อีซูซุ มิว-เซเว่น สู้คู่แข่งไม่ได้ เพราะเรื่องรูปร่างหน้าตาที่หลายคนชอบทรง โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มากกว่า เพราะมีรูปร่างเหมือนรุ่นพี่ตัวแพงอย่างแฮริเออร์ ทำให้ทาง MU-7 ที่ออกแบบสวยสู้ไม่ได้ จึงต้องพยายามปรับปรุงตัวเองให้มีความสดใหม่อยู่แทบทุกปี จนหมดอายุการตลาดไป
ภายในระยะเวลา 2 ปีหลังจากที่ทำยอดขายเอาชนะคู่แข่งไม่ได้ จึงถูกไมเนอร์เชนจ์ในปี 2006 อีซูซุ มิวเซเว่น มีภายนอกเปลี่ยนไปชัดเจน ด้วยไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดใหม่ ฝังเลนส์โปรเจคเตอร์ เปลี่ยนทรงกระจังหน้าใหม่ กันชนทรงใหม่มีสเกิร์ตด้านหลัง ภายในเปลี่ยนหน้ากากแอร์เป็นทรงกลม มีหน้าปัดเรืองแสง เบาะเปลี่ยนสีเป็นสีเบจ เปลี่ยนเครื่องเสียงรองรับ mp3 ได้แล้ว มีพวงมาลัย 4 ก้านทรงใหม่ มีจุดสังเกตบนฝากระโปรงหน้าเพิ่มช่องดักลม เพราะย้ายอินเตอร์คูลเลอร์มาอยู่ด้านบน
Isuzu MU-7 รุ่นปี 2006 เพิ่มบล็อกดีเซลใหม่ 3,000 ซีซี Ddi VGS Turbo แบบแปรผันได้เป็นครั้งแรก มีกำลังเพิ่มเป็น 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 333 นิวตัน-เมตร และยังคงเครื่อง 3,000 ซีซี Ddi มีกำลังสูงสุด 146 แรงม้า 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 294 นิวตัน-เมตร ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีให้เลือกทั้ง แบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อเช่นเคย
Isuzu MU-7 รุ่นปี 2007 เปิดตัวรุ่นพิเศษ gold series ออกมาฉลอง 50 ปีทองอีซูซุ โดยโลโก้อีซูซุเป็นสีทอง ที่กระจังหน้า-หลังรถ และที่พวงมาลัย รุ่นท็อปได้ของเล่นเพิ่มเติมคือ เบาะหนัง เครื่องเล่น dvd จาก kenwood พร้อมจอที่เพดาน และกล้องมองหลังให้ เปลี่ยนกุญแจรีโมทเป็นแบบใหม่ในทุกรุ่น ปลายปีเดียวกันก็มีสีพิเศษขาวมุกเพิ่มเข้ามา
Isuzu MU-7 รุ่น platinum เปิดตัวในปี 2008 โดยเปลี่ยนไฟหน้าโดยเลนส์ไฟหรี่เป็นสีขาว เปลี่ยนล้อลายใหม่ สเกิร์ตหลังแบบใหม่ มีชุดแต่งโครเมียมใต้ไฟตัดหมอก ฝาครอบเครื่องเป็นสีเงินแทนสีทอง มีชุดโครเมียมตกแต่งภายในรถ
2009 Isuzu MU-7 รุ่นหรู super platinum ภายนอกมีสเกิร์ตด้านหน้า ล้อลายเดิมแต่ปัดเงาเป็นครั้งแรก ใส่เครื่องเสียงแบบมีหน้าจอ navigator ให้แล้ว กับระบบ ไอ-จินนี่ เป็นครั้งแรก
Isuzu MU-7 ในปี 2010 เปิดตัวรุ่นพิเศษ groove แต่งสปอร์ต เพิ่มสติ๊กเกอร์ลายธงหมากรุกคาดบนฝากระโปรง เพิ่มสปอยเลอร์กันชนหน้า ตกแต่งสคูปฝากระโปรงหน้าด้วยขอบสีเงิน มีหน้าปัดเปลี่ยนเป็นอักษรสีแดง ให้เครื่องเสียงที่มี TV Tuner ดูฟรีทีวีได้ด้วย นอกจากนี้มีรุ่นหรู super titanium เพิ่มกล้องมองภาพด้านหน้ามาอีกด้วย
Isuzu MU-7 ในปี 2011 เปิดตัวรุ่นพิเศษ choiz กันชนหน้าทรงใหม่ ทำไฟหน้า-ท้ายรมดำ ล้อแม็กซ์สีดำ สเกิร์ตหลังทรงใหม่ ภายในสีดำล้วนทั้งเบาะและคอนโซล
Isuzu MU-7 choiz แบบปรับปรุงครั้งที่ 2 ในปี 2012 ไม่มีกล้องมองหน้าแล้ว ให้ล้อปัดเงาเป็นเหมือนรุ่นหรู และปรับปรุงรุ่นย่อย super titanium ให้สเกิร์ตหลังทรงใหม่ กับจอเพดานหมุนได้ 180 องศา
2013 Isuzu MU-7 รุ่นสั่งลาครั้งสุดท้าย เปลี่ยนชุดกันชนพร้อมสปอยเลอร์ด้านหน้าและหลังดีไซน์สปอร์ต เพิ่มกรอบโครเมี่ยมที่ชุดไฟหน้าและหลัง พร้อมเปลี่ยนไฟเบรกดวงที่ 3 เป็น LED ให้ล้อแบบปัดเงาลงในทุกรุ่นย่อยอย่างไม่มีกั๊ก
ราคามือสอง Isuzu MU-7 มีความแตกต่างกันมากตามรุ่นปี โดยรุ่นแรกสุดมีราคาต่ำกว่า 300,000 บาทให้เห็นแล้ว จนถึงรุ่นท็อปปีท้ายสุด มีราคาประมาณ 500,000 บาท แล้วแต่สภาพ
รุ่นที่เราแนะนำให้ซื้อใช้ เป็นตัว VGS เทอร์โบ ที่ได้เครื่องยนต์ใหม่ กำลังแรงไม่อืด พร้อมทั้งได้หน้าตาใหม่ โดยมีราคาตั้งแต่ 4-5 แสนบาทให้เลือก เน้นดูตะเข็บตัวถังเนียน ไม่มีสนิม และไม่จมน้ำเป็นหลักครับ
อ่านเพิ่มเติม : รวมรถมือสอง 5-7 ที่นั่ง ในงบ 3 แสนกว่าบาท เน้นกว้าง ทนทาน ประหยัด คัดมาเหลือ 3 รุ่นนี้
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}