แม้จะตกเป็นข่าวเตรียมที่จะบุกตลาดประเทศไทยมาอย่างยาวนาน แต่ดูเหมือนว่าความพร้อมของ Chery (เฌอรี่) กลับมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่ไม่มากนัก และล่าสุด พวกเขาก็ได้แถลงอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ถึงแผนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในประเทศไทย โดยมีความน่าสนใจที่จะไม่นำด้วยแบรนด์หลัก แต่เลือกใช้ซับแบรนด์อย่าง OMODA (โอโมด้า) และ JAECOO (เจโก้) แทน
ชี่ เจี๋ย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ OMODA และ JAECOO ประเทศไทย เปิดเผยว่า การทำตลาดในประเทศไทยนั้นจะเริ่มในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 โดยจะนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า OMODA 5 EV (โอโอด้า 5 อีวี) จากประเทศจีนเข้ามาเป็นรุ่นแรก พร้อม ๆ กับแผนการเดินหน้าประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นเอสยูวีแบรนด์เจโก้ ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจแน่ชัดว่าจะเป็นรุ่นและเครื่องยนต์ใด
"ตอนนี้เรายังไม่ได้จดทะเบียนบริษัทอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะใช้ชื่อเฌอรี่ ประเทศไทย ซึ่งการเลือกไม่ใช้แบรนด์เฌอรี่้ในการบุกตลาด ไม่ได้เกี่ยวกับการที่แบรนด์เคยเข้ามาและไม่ประสบความสำเร็จ เพราะที่ผ่านมาเฌอรี่ก็ประสบความสำเร็จในหลายประเทศ แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสมของสินค้าที่เข้ามาทำตลาดมากกว่า หากในอนาคตเราจะขายรถเฌอรี่ ก็จะใช้แบรนด์นั้น"
มาดูแผนงานของพวกเขากันว่าจะเดินหน้าตลาดในไทยอย่างไรบ้าง...
ยืนยันมาแล้วว่ารถยนต์ที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ตามมาด้วยการประกอบรถพลังงานใหม่ อันประกอบไปด้วยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในประเทศไทย ซึ่งยังไม่แน่นอนว่าจะเป็น JAECOO 7 หรือ JAECOO 8 นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่จะประกอบรถเอสยูวีแบรนด์โอมาด้า ซึ่งเป็นเอสยูวีเครื่องยนต์ไฮบริดอีกด้วยในอนาคต รวมไปถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการทำตลาดรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน และการศึกษาการนำแบรนด์อื่น ๆ เช่น เฌอรี่หรือ EXCEED (เอ็กซีด) ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับหรูหราเข้ามาทำตลาดเพิ่มในอนาคต
เจี๋ยกล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมา ทางทีมงานได้เดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย และได้มีโอกาสได้พบกับพาร์ทเนอร์ทั้งในส่วนของโรงงานผลิตรถยนต์และในส่วนของตัวแทนจำหน่าย ซึ่งมีการเจรจากันเบื้องต้น และคาดว่าจะเริ่มจัดตั้งดีลเลอร์ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 นี้ และคาดว่าเมื่อเปิดวางจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรกในช่วงต้นปีหน้า จะต้องมีดีลเลอร์ 15-20 ราย และมีโชว์รูมให้บริการลูกค้า 30-40 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะเน้นในเรื่องของการให้บริการ การเทรนนิ่งและอะไหล่ที่ครบครัน เนื่องจากที่ผ่านมาได้เห็นปัญหากับหลายค่ายที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าลูกค้าชาวไทยจะให้การยอมรับ
สำหรับแผนการเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 เฟส โดยเฟสแรกจะเป็นช่วง 2 ปีแรก ที่จะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ผลิตรถพลังงานใหม่ 2 หมื่นคันต่อปี และมีเป้าขายในประเทศ 1.8 หมื่นคันในปี 2567-68 ซึ่งสายการผลิตจะเปิดในช่วงปลายปี 2567 ขณะที่การลงทุนหลังจากนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่จะใช้ไทยเป็นฐานส่งออกในอาเซียน ด้วยกำลังผลิต 5 หมื่นคันต่อปีในปี 2569-70 แบ่งเป็นขายในประเทศ 4.5 หมื่นคันและส่งออก 5,000 คัน จากนั้นในเฟสสาม จะผลิตรถเพิ่มเติม รวมถึงพวงมาลัยซ้าย ด้วยกำลังผลิต 1 แสนคัน ขายในประเทศ 6 หมื่นคันและส่งออกทั่วโลก 2.5 หมื่นคัน
ผู้บริหารของแบรนด์น้องใหม่ระบุถึงการตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ดุเดือดในประเทศไทย ว่าเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นในตัวสินค้าที่เหนือกว่าแบรนด์คู่แข่งหลายราย ประกอบกับการที่พวกเขาได้เปิดตลาดมาแล้วหลายแห่งทั่วโลก ทำให้มั่นใจว่ามีคุณภาพของสินค้าที่ไม่แพ้ผู้ประกอบการจากประเทศจีนด้วยกันอย่างแน่นอน นอกจากนี้ เจี๋ยยังมีความเชื่อว่าจะสามารถหาพันธมิตรที่ดีในประเทศไทย เพื่อที่จะร่วมกันผลักดันให้แบรนด์ต่าง ๆ เติบโตในตลาดประเทศไทย ซึ่งเขาให้คำสัญญาว่า เฌอรี่จะทำให้ดีที่สุดในตลาดประเทศไทย ทั้งเรื่องของตัวสินค้าและการให้บริการ
อย่างที่หลาย ๆ คนอาจจะจำเจ้ารถเล็กอย่าง Chery QQ (เฌอรี่ คิวคิว) ที่เคยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยภายใต้อาณาจักรยนตรกิจ และกลับออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ในปัจจุบันนั้น แบรนด์เฌอรี่คือผู้เล่นรายใหญ่ของตลาดรถยนต์ในประเทศจีน โดยพวกเขาขยายปีกออกไปถึง 7 ธุรกิจหลัก มีการเปิดศูนย์อาร์แอนด์ดีทั่วโลก 5 แห่ง และมียอดขายรถยนต์ทั่วโลกมากกว่า 1.2 ล้านคัน พร้อมการส่งออกมากกว่า 4.5 แสนคัน โดยเป็นเจ้าของเทคโนโลยีด้านรถพลังงานใหม่มากมายหลายอย่าง และมีการทำตลาดในอาเซียน อย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย รวมถึงมีแผนบุกตลาดยุโรปในอนาคตอันใกล้
ดูจากแผนงานแรกถือว่าไม่ธรรมดา ก็ต้องดูว่ามาแล้วจะทำได้ตามที่พูดไว้ทั้งหมดหรือเปล่านี่ล่ะ...
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}