BYD เตรียมผลิต PHEV-BEV พร้อมเล็งลงทุนเบลด แบตเตอรี่ ดันไทยฐานส่งออกอาเซียนหลังปี 2567

• โรงงานพร้อมผลิตปี 2567
• เล็งผลิตปลั๊กอินไฮบริดเพิ่ม 1 รุ่น
• ขยายไลน์เบลด แบตเตอรี่ ในประเทศไทย

BYD (บีวายดี) แบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากประเทศจีน ประกาศเดินหน้าบุกประเทศไทยเต็มรูปแบบ หลังได้สิทธิบัตรส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ด้วยงบลงทุนเบื้องต้น 17,891 ล้านบาท เพื่อเปิดโรงงานผลิตรถนต์แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน โดยมีแผนที่จะเริ่มเปิดสายการผลิตในไตรมาส 3 ของปี 2567

เคอ ยู่ปิน ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า นอกเหนือจากโรงงานผลิตรถยนต์ที่จะเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการอื่น ๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์รุ่นไฟฟ้ารุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของบริษัทอย่าง Blade Battery (แบตเตอรี่ใบมีด) รวมถึงแผนที่จะตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนหลักสำหรับการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้มีการลงทุนเพิ่มเติมอีกในอนาคต

ในส่วนของรถยนต์ที่จะทำการผลิตในประเทศไทยนั้น จะเริ่มด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเปิดตัวรุ่นแรกอย่าง BYD Atto 3 (บีวายดี อัตโต้ 3) รวมถึงการพิจารณารถยนต์อีกหลายรุ่น ซึ่งรวมไปถึงรถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริดอีก 1 รุ่นในโรงงานแห่ง ซึ่งรายละเอียดทั้งหมด รวมถึงสินค้ารุ่นอื่น ๆ ที่จะทำตลาด น่าจะมีการเปิดเผยได้ในช่วงงานมหกรรมยานยนต์สิ้นปีนี้ ทีทางบีวายดีได้ทำการจองพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดของงาน เพื่อเข้าร่วมงานเป็นครั้งแรก

"โรงงานในประเทศไทยที่มีกำลังการผลิต 1.5 แสนคัน จะเดินสายการผลิตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยการซื้อที่ดินและการลงทุนเบื้องต้นจะเป็นการลงทุนเพื่อโรงงานผลิตรถยนต์เท่านั้น หากมีการลงทุนโครงการอื่น ๆ ก็จะมีการลงทุนเพิ่มอีก ขณะที่กำลังการผลิตที่วางไว้จะเน้นไปที่การซัพพลายให้กับประเทศไทยเป็นหลัก หากมีกำลังการผลิตเหลือก็จะมีการส่งออกไปในตลาดอาเซียนในอนาคต"

อ่านเพิ่มเติม: ส่องสเปก 2022 BYD Atto 3 เปิดตัวตุลาคมในไทย

เคาะราคารถ 10 เดือน 10 เร่งเครื่องหารถมาส่งมอบให้ลูกค้า

ประธานวงศ์  พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายบีวายดี เปิดเผยว่าจะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรก พร้อมประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ หลังจากที่จัดการในเรื่องของการเซ็น MOU ร่วมกับกระทรวงสรรพสามิตเป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญมากก็คือการเร่งหาตัวรถมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิตรถยนต์ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก ทำให้บริษัทต้องพยายามเร่งหาสินค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะต้องหารถมาให้ได้ก่อนที่จะเปิดรับของหลังการประกาศราคาจำหน่าย

"ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวรถ แต่เรามองถึงการให้บริการหลังการขาย ที่จะต้องจัดหาชิ้นส่วนให้เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต ซึ่งบีวายดีมองว่าการแข่งขันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่จะต้องรวมเรื่องของรถ ออพชั่นต่าง ๆ รวมถึงขีดความสามารถในการส่งมอบรถ ในราคาที่เหมาะสม"

อ่านเพิ่มเติม: 9 คำถามคลายสงสัยกับ Rêver Automotive ผู้จัดจำหน่าย BYD ในประเทศไทย

สรรพสามิตชี้ค่ายรถเข้าร่วมโครงการได้ประโยชน์สูงสุด

ณัฐกร อุเทนสุต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ค่ายรถหลายรายให้ความสนใจเซ็น MOU เข้าร่วมโครงการนี้ แต่รัฐบาลจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ โดยมาตรการหลักก็คือจะต้องได้รับสิทธิบัตรส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เสียก่อน ทำให้หลายค่ายอาจจะยังไม่ได้ดำเนินการให้เรียบร้อย ซึ่งหากคำนวนดู ค่ายรถที่เข้าร่วมอาจจะได้รับส่วนลดมากกว่า 7 แสนบาทในภาพรวม

"คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณในโครงการนี้มา 3 พันล้านบาทในปี 2565 ซึ่งดูจากตัวเลขยอดจดทะเบียนและยอดจำหน่ายแล้วยังพียงพออยู่ ขณะที่งบในอีก 3 ปีที่เหลืออยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งนอกเหนือจากงบของกรมสรรพสามิต ค่ายรถยังได้ในส่วนของการสนับสนุนจากบีโอไอ รวมไปถึงการลดภาษีนำเข้าของชิ้นส่วนเพื่อการผลิตที่สำคัญ 9 รายการให้เหลือ 0% อีกด้วย"

อ่านเพิ่มเติม: BYD เอาจริง จองพื้นที่ใหญ่สุดงาน Motor Expo