สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว Tesla (เทสล่า) ถือว่าเป็นผู้นำในหลายตลาดทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกา อันดับถัดมาเป็นบริษัทรถยักษ์ใหญ่จากแดนกิมจิอย่าง Hyundai Group ซึ่งประกอบด้วย Hyundai (ุฮุนได) และ Kia (เกีย) 

จากการรายงานของ Automotive News ระบุว่า ผู้ผลิตจากเกาหลีต้องการที่จะครองยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ซึ่งตลาดรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกภายในสิ้นทศวรรษนี้

Volkswagen คือคู่แข่งที่น่ากลัว 

การจะขึ้นครองอันดับที่สองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ Volkswagen ก็พร้อมต่อคิวบัลลังก์นี้ด้วยไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้าที่มี และเตรียมการสร้างโรงงานที่เมือง Chattanooga รัฐเทนเนสซี สำหรับการผลิต ID. BUZZ และ ID.4 ที่นั่น

Hyundai และ Kia อาจมีข้อได้เปรียบจากวิกฤตการขาดแคลนชิ้นส่วนที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ เพราะจากรายงานของ Automotive News ระบุว่า พวกเขามีแผนที่จะรับมือสถานการณ์นี้ไว้แล้ว

อันดับ 2 และ 3 สู้กันไป แต่อันดับ 1 ลอยตัว

ด้วยจำนวนรุ่นที่มากกว่า Volkswagen หรือรถจากค่ายญี่ปุ่น ทำให้ Hyundai และ Kia สามารถจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารวมกันได้ 15,414 คันภายในไตรมาสแรกของปีนี้ 

ส่วนราชาบนบัลลังก์ยอดขายในสหรัฐฯ อย่าง Tesla สามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าไปได้ 113,882 คันในช่วงเวลาเดียวกัน หรือมากกว่า Hyundai Group เกือบสิบเท่าเลยทีเดียว โดยทาง Automotive News ได้ข้อมูลตัวเลขนี้มาจากเว็บไซต์ Experian

หาก Tesla ไม่รักษาคุณภาพ ก็อาจถูกเลื่อยขาเก้าอี้ได้เหมือนกัน

ในทางกลับกัน ที่ Tesla ยังสามารถส่งมอบรถได้นั้นเกิดจากการปรับชิปบางตัวในรถของตัวเอง นอกจากตัวเลขของยอดขายที่สูงแล้ว ตัวเลขของการเรียกคืนรถเทสล่านั้นมีกว่า 237,253 คันทั่วโลก (129,960 คันในสหรัฐฯ และ 107,293 คันในจีน) 

โดยเทสล่าที่ผลิตในปี 2021 ที่มาพร้อมระบบ ICE (Infotainment Central) ซึ่งจะร้อนขึ้นเมื่อกำลังอยู่ในการชาร์จ Supercharger และยังมีอีกหลายคันที่คาดว่าต้องถูกเรียกคืนในยุโรป ซึ่งน่าจะมีตัวเลขที่ค่อนข้างสูงเช่นเดียวกัน

ยอดขายอีวียังเทียบไม่ได้กับรถยนต์ทั้งหมด

จากที่ Automotive News ได้ระบุไว้ว่า “การปฏิวัติรถยนต์ไฟฟ้า” นั้นกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยเฉพาะที่ Cox Automotive จากสหรัฐฯ ได้กล่าวไว้ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 174,068 คันในไตรมาสที่ 1 ของปี 2022 ในตลาดรถยนต์สหรัฐฯ 

แต่เมื่อเทียบกับยอดขายรถยนต์ทุกประเภทรวมกันที่ 3,309,520 คัน ในตลาดและช่วงเวลาเดียวกัน แสดงถึงยุคของรถยนต์ไฟฟ้าว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นอย่างแท้จริง

Hyundai Group สู้ไม่ถอย

อย่างไรก็ตาม Hyundai Group พร้อมที่จะเดินหน้าเต็มกำลัง การลงทุนสำหรับแพลทฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง E-GMP ทำให้ทางค่ายได้อีวีที่น่าสนใจอย่าง Hyundai Ioniq 5, Kia EV6, และ Genesis GV60 และจะมีอีกหลายรุ่นตามมา เช่น Hyundai Ioniq 6, Ioniq 7, และ Kia EV1, และ EV9 

นอกจากนี้ แพลทฟอร์ม E-GMP จะถูกพัฒนาขึ้นในชื่อว่า IMA ซึ่งย่อมาจาก Integrated Modular Architecture ซึ่งจะทำให้อีวีของฮุนไดกรุ๊ปไปได้ไกลมากขึ้น

ทาง Hyundai และ Genesis แบรนด์หรูของฮุนได จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 17 รุ่นภายในปี 2030 ขณะเดียวกัน Kia จะเปิดตัวทั้งหมด 14 รุ่นภายในปี 2027 และเป้าหมายของ Hyundai Group ต้องการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าให้ถึง 3.1 ล้านคันภายในปี 2030 ซึ่งอาจจะดีหรือเป็นปัญหาก็ได้ 

พัฒนาตอนนี้อาจเร็วไป รอแบตเตอรี่โซลิดสเตทจะดีกว่าไหม?

จากข้อมูลโดย ONE (Our Next Energy) ระบุว่า การใช้นิกเกิลและโคบอลต์ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี แม้ว่าจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำได้เมื่อสิบปีก่อน นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ผู้ผลิตรถจากญี่ปุ่นยังไม่ลงแรงกับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว อาจเพราะต้องการให้แบตเตอรี่โซลิดสเตทถูกพัฒนาให้ดีก่อนจึงจะลงมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว

อ่านเพิ่มเติม : Hyundai เปิดตัวแพลทฟอร์มอีวีใหม่ IMA รองรับรถทุกรูปแบบ และรถอีก 11 รุ่นภายในปี 2030