review Honda Accord 2023 ฮอนด้า แอคคอร์ด ลองขับ

• การเปลี่ยนแปลงที่มีมากกว่าหน้าตา
• Honda Accord ที่ขับได้สนุกกว่าสบาย
• ออพชั่นด้านหน้ารถคือจุดขายที่เหนือใคร

Honda Accord 2023 (ฮอนด้า แอคคอร์ด) รุ่นใหม่เปิดตัวเจนเนอเรชั่นที่ 11 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมการทำตลาดเฉพาะเครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV รุ่นใหม่ล่าสุดใน 3 รุ่นย่อย ซึ่งแม้ว่าจะเป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มากในปัจจุบัน แต่ก็เป็นตลาดที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นตลาดที่เน้นเรื่องภาพลักษณ์ของการทำตลาด เป็นตลาดรถยนต์สำหรับผู้บริหาร ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ของค่ายมาตลอด

การเปิดตัวรถยนต์นั่งระดับดี-เซกเมนต์เพื่อท้าชิงตลาดกับคู่แข่งรายหลักอย่าง Toyota Camry (โตโยต้า คัมรี่) ซึ่งถือเป็นช่วงปลายของการทำตลาด แถมยังโดนแย่งชิงตลาดจากคู่แข่งมากหน้าหลายตา ที่ทำตลาดในระดับราคาใกล้เคียงกัน ทำให้การแข่งขันในเซกเมนต์นี้รุนแรงมากขึ้น แต่ Honda (ฮอนด้า) เองก็ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายรถยนต์รุ่นนี้เอาไว้ค่อนข้างมากอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกันยอดจำหน่ายในรุ่นก่อนหน้านี้ที่หดตัวลงไปอย่างมาก

AutoFun ได้มีโอกาสบินมาทดสอบรถยนต์รุ่นใหม่นี้ บนเส้นทางภูเก็ต-กระบี่ ซึ่งเป็นเส้นทางคดเคี้ยวที่เหมาะสมกับการการเปลี่ยนแปลงของรถยนต์รุ่นใหม่ โดยยานพาหนะที่อยู่กับเราตลอดทริปก็คือรุ่นท็อปอย่าง RS ที่เป็นครั้งแรกของการเปิดตัวเวอร์ชั่นตกแต่งสำหรับรุ่นนี้ เจ้าของค่าตัว 1.799 ล้านบาท ถือว่าเป็นรถที่พัฒนามาค่อนข้างดี เน้นความสนุกสนานในการขับขี่ที่ทุกย่านความเร็ว จนน่าจะล้ำหน้าความสบายที่เป็นจุดขายเดิมไปแล้ว

มาลองดูกันว่าเครื่องยนต์ไฮบริดคันนี้ มีอะไรที่จะไปท้าชนกับคู่แข่งกันได้บ้าง...

การตอบสนองของเครื่องยนต์ไฮบริดที่ยอดเยี่ยม

แน่นอนว่าฮอนด้าเลือกใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แอทคินสัน ไซเคิล มาจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุด 207 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่เพิ่มไปเป็น 335 นิวตันเมตร การตอบสนองของเครื่องยนต์ตั้งแต่ 0-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นไปอย่างรวดเร็วและไหลลื่น ซึ่งเป็นช่วงของโหมดการขับขี่แบบอีวีและไฮบริด แต่เมื่อมีการใช้ความเร็วสูง จนเปลี่ยนเป็นโหมดเครื่องยนต์นั้น เสียงของเครื่องยนต์อาจจะดังมากเกินไปสักนิด ทำให้ความสนุกสนานในการขับขี่ที่มีอยู่หายไปบ้าง เอาเป็นว่าถ้าใช้งานในช่วงความเร็วที่กฎหมายกำหนดก็ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม: เคาะราคา 2023 Honda Accord e:HEV มี 3 รุ่นย่อย ที่ 1.529-1.799 ล้านบาท

ช่วงล่างขับสนุก เอาโค้งอยู่หมัด แต่เสียงยังเข้าอยู่นะ

จุดขายที่มาพร้อมเครื่องยนต์ที่ขับขี่ได้อย่างสนุกสนาน ก็คือช่วงล่างที่เซตอัพมาอย่างลงตัว สามารถรองรับการขับขี่ที่ความเร็วที่หลากหลายได้ โดยเฉพาะในช่วงของโค้งถนนที่มีความคดเคี้ยวมากอย่างถนนที่มาทำการทดสอบกัน สามารถวิ่งเกาะโค้งที่ความเร็ว 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างไม่ต้องถอนคันเร่ง การทำความเร็วสูงนั้นให้การตอบสนองที่แม่นยำและฉับไว พวงมาลัยสามารถคุมรถได้อย่างคล่องแคล่ว เสียงของลมที่ปะทะเข้ามาที่ด้านหน้ารถและออกไปที่หลังคานั้น เริ่มเข้าที่ย่านความเร็วที่ผิดกฎหมายไปแล้ว ส่วนเสียงที่ช่วงล่างนั้นก็ยังได้ยินอยู่ แม้จะมี ANC ก็ตาม

อ่านเพิ่มเติม: พรีวิว 2023 Honda Accord เหลือแต่เครื่องไฮบริด

ออพชั่นในรถให้มาครบครัน โดยเฉพาะครึ่งคันหน้า

เดิมที่แอคคอร์ดนั้นขึ้นชื่อเรื่องการดูแลและเอาใจใส่ผู้โดยสารตอนหลังมากเป็นพิเศษ แต่ในเจนเนอเรชั่นล่าสุด ดูเหมือนพวกเขาจะใส่ออพชั่นด้านหน้าของรถจนมากมายกว่าที่นั่งด้านหลังไปมาก ไม่ว่าจะเป็นออพชั่นด้านความสะดวกสบายอย่างเบาะที่นั่งปรับได้ 8 ทิศทาง ระบบความช่วยเหลือ Google Assistant ที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย การเชื่อมต่อผ่าน Honda Connect หรือแม้แต่ออพชั่นด้านความปลอดภัยอย่างถุงลมนิรภัยสำหรับหัวเข่าผู้โดยสารคู่หน้า ที่ทำให้แอคคอร์ดมีถุงลมนิรภัยมากถึง 8 ใบเป็นครั้งแรก ออพชั่นทั้งหมดนี้ มากพอที่จะทำให้ผู้โดยสารแย่งกันนั่งที่เบาะคู่หน้าแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม: แกะสเปก 2023 Honda Accord e:HEV มี 3 รุ่นย่อย

ด้านหลังออพชั่นไม่ขาด แต่ก็ไม่ได้เยอะจนล้น

แอคคอร์ดเวอร์ชั่นไทยนั้นมีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นสากล ในส่วนของเบาะที่นั่งตอนหลังที่พับได้แบบ 100% ไม่ได้พับแยก 60:40 และเมื่อพับแล้ว ห้องเก็บสัมภาระก็ไม่ได้ราบเป็นแผ่นเดียวกันทั้งหมด ห้องเก็บสัมภาระนั้นใหญ่และมีทางเข้าที่กว้างขวาง เบาะที่นั่งตอนหลังออกแบบมาให้โอบกระชับมากขึ้น มีพื้นที่เข่าที่เหลือเฟือ แต่เบาะสั้นไปเล็กน้อย และเฮดรูมถูกเบียดด้วยตัวถังภายนอกแบบคูเป้ มีม่านบังแดดมาให้ มาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่ปรับอุณหภูมิแยกไม่ได้ และช่องชาร์จไฟแบบ USB-C มีมาให้แล้ว ซึ่งเอาจริง ๆ หากมีออพชั่นที่เพิ่มมากกว่านี้ก็น่าจะสนใจมากขึ้น

อ่านเพิ่มเติม: เปรียบมวย BYD Seal vs Honda Accord ในงบ 1.5 ล้าน

เป็น Honda Accord ที่เน้นผู้ขับขี่มากกว่าผู้โดยสาร

การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมาก ๆ ของการพัฒนารถรุ่นใหม่นี้ ก็คือการสร้างรถออกมาให้ขับขี่ได้อย่างสนุกสนาน มีช่วงล่างที่ตอบสนองดี มีพวงมาลัยที่กระชับ ซึ่งถือว่าทำออกมาได้อย่างดีในเกือบทุกด้าน แต่สิ่งที่ไม่ได้อัพเวลขึ้นมาเท่าไรก็คือความสะดวกสบายของผู้โดยสารตอนหลัง ออพชั่นใหม่ ๆ ที่ให้มาถือว่าโดดเด่นและมีการใส่ออพชั่นระดับ 'ครั้งแรก' ในแอคคอร์ด ซึ่งรวมไปถึงการอัพเกรดซอฟท์แวร์แบบ OTA หรือฟังชั่นส์ใหม่ ๆ ที่ใส่เข้ามาในฮอนด้า คอนเนคต์ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้ว ต้องถามใจฮอนด้า ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นการปรับฐานไปหากลุ่มลูกค้าใหม่ด้วยหรือไม่

แต่ที่แน่ ๆ ยอดจอง 600 คันหลังเปิดตัวถือว่าน่าพอใจ ผู้บริหารเขาว่าไว้แบบนั้นนะ...