ลองขับรถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) พบว่าตอบสนองกับความคาดหวังของเราได้ดี พบออพชั่นเกินความคาดหมาย ได้ทั้งความแรง และความหล่อ ในงบประมาณเบาสบาย
ตอบโจทย์ความโดดเด่น
ลองขับรถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) พบว่าตอบสนองกับความคาดหวังของเราได้ดี พบออพชั่นเกินความคาดหมาย ได้ทั้งความแรง และความหล่อ ในงบประมาณเบาสบาย
ตอบโจทย์ความโดดเด่น
ตอบโจทย์เรื่องราคา
ตอบโจทย์เรื่องความแรง
ตอบโจทย์เรื่องช่วงล่าง
ภายในใส่ใจฟังก์ชั่นการใช้งาน
เมื่อใช้งานระยะทางจริง
มีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนแล้ว
สิ่งที่อยากเสนอแนะสำหรับโมเดลนี้
เอ็มจี เป็นแบรนด์รถไฟฟ้าที่มีเครือข่ายสถานีชาร์จเป็นของตัวเอง
MG ZS EV รถยนต์ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้าล้วน หลังได้รับการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ เพิ่มจุดเด่นด้วยการเปลี่ยนหน้าตา ใช้ดีไซน์กระจังหน้าแบบปิดทึบ ทำให้มีเส้นสายดูเรียบหรู และกลายเป็นสร้างความแตกต่างจากรุ่นสันดาปมากขึ้นไปอีก ด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว พร้อม Aero Wheel Cover สีตัวถังโทนน้ำเงิน Como Blue ถูกเลือกให้เป็นสีหลักสำหรับการโปรโมท และมีสีเงิน Cosmic Silver, สีดำ Black Knight, สีขาว Arctic White และสีแดง Scarlet Red มาให้เป็นทางเลือก ทำให้คนที่จ่ายเงินกว่า 9 แสนบาท ได้รับภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากการใช้รถเครื่องสันดาปอย่างชัดเจน ขับไปไหนใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็น EV
MG ZS EV ราคาหลังหักส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐจึงปรับลดเป็น 949,000 บาท ในรุ่น D และ- 1,023,000 บาท ในรุ่น X ทำให้ลูกค้าจ่ายถูกลง แต่คุณภาพไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด และได้ฟังก์ชันล้ำเพิ่มเติมจากโฉมก่อนหน้านี้ อีกทั้งเมื่อคิดถึงความคุ้มค่า MG ZS EV ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
เมื่อได้ลองขับ MG ZS EV แล้ว พบว่ากำลังที่เพิ่มขึ้นเป็น 177 แรงม้า ทำให้การตอบสนองว่องไวทันระยะเร่งแซงได้ หากต้องการออกตัวอย่างรวดเร็ว ก็ยังมีแรงบิด 280 นิวตัน-เมตร ที่ทำให้หลังติดเบาะเบาๆ ไม่ว่าคนขับหรือผู้โดยสารที่มาร่วมทดสอบด้วย ต่างยอมรับถึงแรง G ตอนออกตัว และเร่งแซงนับว่ายังให้อัตราเร่งเพียงพออยู่ ถ้าไม่ซิ่งมากก็นับว่าเหลือเฟือในการใช้งาน
สิ่งที่เราคาดหวังอีกอย่างนั่นคือช่วงล่าง เพราะรถที่มีราคาแตะหลักล้านบาท ที่ต้องหิ้วน้ำหนักแบตเตอรี่อยู่ ควรจะทิ้งความกระด้าง มีเพียงความนุ่มนวล สร้างความแตกต่างจากรุ่นสันดาป แล้วเมื่อได้ทดลองขับรถจริง เราก็ได้รับความฟินจากช่วงล่าง ที่มีความนิ่มนวลกำลังดี ในความเร็วสูง 80-90 กม./ชม. รองรับแรงกระแทกเนินกับคอสะพานค่อนข้างดี ส่วนในความเร็วต่ำ 40-50 กม./ชม. ก็ซับแรงในรายละเอียดถนนขรุขระได้น่าพอใจ เช่น ผิวทางก่อสร้าง หรือรอยปะยางมะตอยที่ปูดโปน เรียกว่าเอาอยู่ทุกสภาพถนน
รายละเอียดภายในห้องโดยสาร MG ZS EV พบว่ามีพื้นผิวสัมผัสบุนวมนิ่มมากขึ้นกว่าเดิม คอนโซลหน้าเป็นลายคาร์บอนไฟเบอร์ เดินตะเข็บด้ายสีแดง เพิ่มกลิ่นไอความสปอร์ต บนคอนโซลมีหน้าจอสีระบบสัมผัสดีไซน์ใหม่ขนาด 10 นิ้ว ที่โต้ตอบกับนิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ และต้องขอบคุณที่แยกปุ่มแอร์แบบดิจิทัลออกจากเมนูจอ ทำให้การปรับแอร์ทำได้ง่ายมากขึ้น
ถัดลงมายังมีช่องจ่ายไฟ 12V มีทั้งแบบรูกลมจากที่จุดบุหรี่ หรือจ่ายไฟกับช่อง USB ทั้ง USB-A และ USB-C พร้อมแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สาย
คนนั่งหลังได้รับความสะดวกจากที่วางแขนพร้อมแก้วน้ำแล้ว ก็ยังต้องขอบคุณที่รถคันนี้เพิ่มช่องเสียบไฟแบบ USB-C สำหรับการชาร์จอีก 2 ตำแหน่ง อยู่ใต้ช่องแอร์ด้านหลังด้วย
MG ZS EV มีความจุแบตเตอรี่ 50.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้วิ่งได้ไกลขึ้นเป็น 403 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตัวเลขมาตรฐาน NEDC ซึ่งมาตรวัดแสดงได้ตรงตามการใช้งานจริง มีการแสดงปริมาณแบตอย่างชัดเจนจนไม่อาจลืมชาร์จไฟได้เลย และเมื่อเราขับไปได้ 300 กม. ก็เริ่มหาจุดชาร์จไฟด้วยตู้ชาร์จสาธารณะยี่ห้อดังเจ้าหนึ่ง ที่มีสาขาทั่วไป ช่วงที่ชาร์จแบตจาก 30-80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทำให้มั่นใจได้ว่า หากเราใช้ไฟฟ้าที่ชาร์จจากบ้านจนหมด ก็ยังหาชาร์จไฟนอกบ้านได้และภายในเวลาเพียงแค่ 30 นาที ก็สามารถไปต่อได้ โดยไม่พบปัญหาการเสียบปลั๊ก หรือการขับขี่แต่อย่างใด
รถคันนี้ยังมาพร้อมระบบ V2L (Vehicle to Load) ที่สามารถนำพลังงานไฟฟ้าในรถออกมาใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ และยังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับรถยนต์ไฟฟ้าคันอื่นๆ ได้ด้วยนะครับ
การลองขับครั้งนี้ยังได้ลองใช้ระบบความปลอดภัยใหม่ที่จะช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน พร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากรถออกนอกเลน นับว่ามีประโยชน์และได้ผลจริง เพราะเมื่อลองตั้งใจเบนพวงมาลัยออกนอกเลน จนไปแตะเส้นจราจรเล็กน้อย ระบบพวงมาลัยแบบพิเนี่ยน ที่ติดมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยหมุน ก็ทำการขืนแรงมือคนขับ หมุนล้อกลับเขาเส้นอยู่ในเลน ไม่ถึงขั้นกระตุกจนตกใจ สร้างประสบการณ์ที่ดีเหมือนขับรถหรู ส่วนระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติก็ให้มาแล้วเช่นกัน
สิ่งที่อยากนำเสนอในรุ่นนี้ คือ การเพิ่มขนาดแบตเตอรี่ ซึ่งเทคโนโลยี EV มีวิวัฒนาการที่ก้าวล้ำขึ้นทุกปี เราจึงคาดว่า ความไฮเทคของแบตเตอรี่ในปีหน้า จะทำให้รถรุ่นนี้ สามารถวิ่งได้ถึง 500 กม.
อีกสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากให้มี คือ บานประตูหลังไฟฟ้าที่อยากให้ติดตั้งมาจากโรงงาน รวมไปถึงการพับเบาะที่อยากให้เรียบเป็นพื้นเดียวกับห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง เพื่อให้สามารถขนสัมภาระได้อย่างสะดวกสบายขึ้นกว่าเดิม
นอกจากประสบการณ์ในการทำตลาดรถ EV ในเมืองไทยที่สั่งสมมาก่อนใคร ๆ และถือเป็นแบรนด์ที่เดินหน้าขยายเครือข่ายสถานีชาร์จอย่างเอาจริงเอาจัง ปัจจุบันมีสถานี MG Super Charge พร้อมให้บริการแล้วกว่า 129 สถานี ถือเป็นความได้เปรียบของลูกค้าเอ็มจี แถมปลดล็อคความกังวลใจในเรื่องการบำรุงรักษา และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ด้วยแคมเปญ ฟรี! ค่าบำรุงรักษาตามระยะนาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และดูจะเป็นแบรนด์รถไฟฟ้าที่มีอนาคตเรื่องการบริการหลังการขายมากที่สุดในเวลานี้ ก็ต้องถามใจลูกค้าที่มีงบ 1 ล้านบาท ว่าพร้อมจะก้าวเข้าสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มตัวแล้วหรือยัง
อ่านเพิ่มเติม : เทียบรุ่นย่อย 2022 MG ZS EV ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ แค่รุ่นล่างก็ได้กล้องมองรอบคันแล้ว
[Sponsored by MG Thailand]
ขายรถคันเดิมเพื่อซื้อรถมือสองคุณภาพดีได้ง่ายและสะดวก
2022 MG ZS EV D
แลก
เพิ่มรถของคุณ