Hyundai H1 รุ่นต่อไปจะใช้พลังไฟฟ้า หลังค่ายโสมขาวระบุเลิกพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปแล้ว

Hyundai Motor Group (ฮุนได) ยุติการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาป ตามกลยุทธ์ลดการทำตลาดรถที่ใช้เครื่องยนต์ และมุ่งเน้นจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว

สำนักข่าว Reuters รายงานว่ากลยุทธ์ดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารระดับสูงของ Hyundai ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์รถเครื่องยนต์สันดาปของค่ายรถจากแดนกิมจิลดลงถึง 50% ในระยะสั้น ก่อนที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาวทดแทน

“นี่คือกลยุทธ์ที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้ฝ่ายวิจัยและพัฒนามีทรัพยากรและเงินทุนมากขึ้นในการสร้างมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และระบบขับเคลื่อนฟิวเซลที่ล้ำสมัย” แหล่งข่าววงในของ Hyundai เปิดเผยกับ Reuters

มุ่งเน้นทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและไฮโดรเจนฟิวเซล

แหล่งข่าววงในกล่าวยืนยันกับสำนักข่าว Reuters ว่า “Hyundai ได้หยุดการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปรุ่นใหม่ไปแล้ว”

รายงานข่าวระบุว่า Hyundai ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแผนการลดบทบาทของรถเครื่องยนต์สันดาป แต่ยืนยันว่าจะมุ่งเน้นรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งจะครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนฟิวเซล

สำหรับตลาดรถพลังงานทางเลือกที่เป็นเป้าหมายของค่ายรถแดนโสมขาวแน่นอนว่าต้องเป็นตลาดใหญ่อย่างอเมริกาเหนือ จีน และยุโรป

Hyundai Motor Group ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์ Hyundai, Kia และ Genesis วางเป้าหมายว่าจะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ถึง 1 ล้านคันภายในปี 2025 และต้องการครอบครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 10% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก

ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง

ข่าวรายงานด้วยว่า Hyundai และ Kia เป็นกลุ่มบริษัทยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับท็อป 10 และมีความหลากหลายของระบบขับเคลื่อนมากที่สุดในโลก ดังนั้น การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้จึงน่าจับตามองอย่างมาก โดยข้อสรุปของกลยุทธ์นี้จะได้รับการเปิดเผยอีกครั้งภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า

ปัจจุบัน Hyundai จำหน่ายรถยนต์ 2 รุ่นในประเทศไทยคือ H1 (ฮุนได เอช1) และ Grand Starex (ฮุนได แกรนด์ สตาเร็กซ์) มีความเป็นไปได้สูงมากเมื่อถึงคราวผลัดใบเจนเนอเรชั่นต่อไป รถแวนทั้ง 2 โมเดลจะใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

อย่างไรก็ตาม กำหนดการเปิดตัวรถแวนคู่แฝดรุ่นใหม่ยังต้องรออีกนานหลายปี คาดว่าเราชาวไทยอาจได้สัมผัสกันภายในปี 2025 หรืออีกราว 4 - 5 ปีข้างหน้า

ช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเพราะคาดการณ์ตลาดรถพลังงานทางเลือกจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากปี 2025 เป็นต้นไป และมีรายงานว่าราคารถอีวีจะย่อมเยาลงจนเอื้อมถึงได้ง่ายขึ้น