รีวิว 2021 Bentley Flying Spur W12 ตัวท็อปสุดจัดในรุ่น 25.99 ล้านบาท 0-100 ต่ำกว่า 4 วิ เขาวิ่งกันแบบนี้!!!

ในบรรดารถยนต์รุ่นใหญ่ที่มีราคาค่าตัวระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไป หลาย ๆ คนอาจจะเลือกมองไปที่การเลือกเป็นเจ้าของรถยต์สปอร์ตสักคัน แต่กลุ่มลูกค้าผู้บริหารหรือกลุ่มครอบครัวที่ต้องการรถยนต์หรูหราสักคัน เพื่อใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและยังเก็บไว้รับแขกได้อยู่นั้น

Bentley (เบนท์ลีย์) หนึ่งในรถยนต์ในเครือเอเอเอสในประเทศไทยนั้น มีการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ มาอย่างต่อเนื่องยาวนานในตบาดประเทศไทย และแม้จะมีรถยนต์ทำตลาดอยู่เพียงไม่กี่รุ่น ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ขวัญใจอภิมหาเศรษฐีในบ้านเรามากพอสมควร

และสำหรับเจ้า Bentley Flying Spur (เบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์) เจ้าของราคาเริ่มต้น 18.7 ล้านบาทขึ้นไป และแพงขึ้นเรื่อย ๆ ตามอุปกรณ์และการตกแต่ง อย่างคันที่ AutoFun Thailand เอามาทดสอบนั้น ก็มีการติดตั้งอุปกรณ์เข้าไปมากมาย จนค่าตัวทะลุไป 25.99 ล้านบาท 

จุดเด่นของรถคันนี้ แน่นอนว่าต้องอยู่ที่เครื่องยนต์ที่ยังใช้เครื่องยนต์เบนซิน 12 สูบ น่าจะรุ่นท้าย ๆ ของประเทศไทยแล้ว สมรรถนะที่ให้นั้น โดดเด่นกว่าใครแน่นอนบนท้องถนน เห็นคันใหญ่ ๆ ดูหนัก ๆ บึกบึนแบบนี้ อย่าได้ไปลองของเชียว เขากดคันเร่งกลับมาจะหลบเข้าข้างทางแทบไม่ทัน

นอกจากนี้ การออกแบบห้องโดยสารที่โดดเด่น ทั้งสำหรับผู้ขับขี่ ผู้โดยสารในทุกตำแหน่ง มีการจัดวางอุปกรณ์เพื่อการใช้งานที่เหมาะสมมาให้เรียบร้อย เรียกว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่น่าจับจองเป็นเจ้าของในตลาด แม้ค่าตัวจะดีดขึ้นไประดับนั้น แต่น่าจะตอบสนองความต้องการของมหาเศรษฐีได้แน่นอน

ไฮไลท์สำหรับ Bentley Flying Spur W12

• เครื่องยนต์เบนซิน 12 สูบ ขนาด 6.0 ลิตร
• 635 แรงม้า มาพร้อม 900 นิวตันเมตร
• ระบบขับเคลื่อนและช่วยเลี้ยว 4 ล้อ
• 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.8 วินาที
• ทำความเร็วสูงสุด 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ตัวใหญ่แต่ไม่อุ้ยอาย สบายแต่มั่นใจได้ทุกความเร็ว

ถ้าใครเคยคิดว่ารถยนต์นั่งที่คันใหญ่และมีน้ำหนักมากจะต้องให้การตอบสนองที่ไม่ว่องไวนัก ก็ต้องบอกว่าคงใช้ไม่ได้กับเจ้าฟลายอิ้ง สเปอร์ คันนี้ เพราะทันทีที่กระโดดมาอยู่หลังพวงมาลัยและสตาร์ทเครื่อง ก็จะรู้สึกทันทีเลยว่า เครื่องยนต์นั้นพร้อมที่จะรองรับคำสั่งให้วิ่งออกไปบนถนนทันที

วันที่เอามาทดสอบนั้น เราอยู่กับรถไม่ได้นานมาก ส่วนหนึ่งก็เกรงใจรถนั่นล่ะ แต่ก็ได้เอารถไปออกกำลังกายบนทางหลวงยาว ๆ 2-3 รอบ การตอบสนองของเครื่องยนต์ W12 นั้น จะแตกต่างจากเครื่องยนต์ที่เล็กกว่าหรือไฮบริด ที่อาจจะมีการครุ่นคิดสักนิดในเวลาที่เรากดคันเร่งลงไปตรง ๆ 

แต่ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้น ไม่แม้แต่จะคิด ทันทีที่กดคันเร่งลงไป เครื่องยนต์ก็พร้อมที่จะระเบิดพละกำลังออกมาทันที ตัวเลข 0-100 ที่เคลมไว้ต่ำกว่า 4 วินาทีนั้น น่าจะทำได้บนถนนจริง ๆ แบบไม่แตกต่างกันมาก เพราะกดคันเร่งลงไปอึดใจเดียว มาตรวัดก็ขึ้นโขว์เลข 3 หลักให้ได้เห็นแล้ว

และถ้าคุณใจกล้าและมีสกิลในการขับขี่อีกนิด ก็จะสามารถเร่งความเร็วรถไปถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ไม่ยาก เบนท์ลีย์ไม่ได้ระบุอัตราเร่ง 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมา แต่คิดว่าน่าจะอยู่แถว 10 วินาทีนิดหน่อย แถมตัวรถยังมีความมั่นคงพอที่จะไม่ทำให้รู้สึกหวาดหวั่นหรือตกใจในย่านความเร็วสูง

ระบบต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาทำหน้าที่ได้อย่างดี ช่วยให้การควบคุมรถในทุกย่านความเร็วเป็นไปได้อย่างสนุกสนาน เอาแค่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและระบบช่วยเลี้ยวทั้ง 4 ล้อ ก็ทำให้เราสามารถพารถพุ่งทะยานไปตามโค้งต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ เป็นรถที่ยิ่งขับก็ยิ่งสนุก แม้จะแอบหวั่น ๆ กับขนาดของมันอยู่ไม่น้อย

สิ่งที่เหนือกว่าความสนุกสนานในการขับขี่ ก็คือความนุ่มนวลของตัวรถที่สัมผัสได้จนถึงตำแหน่งของผู้ขับขี่ แม้ว่จะต้องวิ่งผ่านถนนที่ไม่เรียบร้อยในกรุงเทพมหานครและบนทางด่วน แต่ตัวรถเก็บอาการทั้งหมดของถนนเอาไว้ได้แบบเนียนกริ๊บ แทบจะไม่มีความรู้สึกกระทบกระเทือนของพื้นถนนมาให้สัมผัส

ตัวเบาะที่นั่งนั้นโอบกระชับอย่างดี พวงมาลัยมีขนาดที่ใหญ่ไปสักเล็กน้อย แต่ด้วยวัสดุที่เลือกใช้ก็ทำให้จับได้อย่างกระชับ ปุ่มฟงชั่นส์รอบตัวนั้นใช้งานได้อย่างดี และฟังชั่นส์ที่ให้มานั้น มากมายเกินกว่าที่จะใช้งานได้ทั้งหมดในระยะเวลาสั้น ๆ จริง ๆ แต่รวมความแล้วก็ถือว่าเป็นรถที่มีความครบครันในตัว

ตัวถังใหญ่ บึกบึน และเปี่ยมด้วยความหรูหรา

ขนาดของตัวถังมีความใหญ่โตเต็มพิกัด เรียกได้ว่ามีความใหญ่โตมากกว่าเส้นถนนมาตรฐาน และอาจจะทำให้ผู้ขับขี่ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษในการใช้งานรถคันนี้ แม้จะมีการติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและระบบช่วยเลี้ยวทั้งสี่ล้อมาแล้วก็ตาม ก็ยังต้องระวังอยู่

ราคาที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่นมาตรฐาน ก็ต้องได้อุปกรณ์ที่เพิ่มมา คันที่เรานำมาทดสอบ มาพร้อมชุดโคมไฟหน้าแบบ Daimond Cutting กระจังหน้าแนวตั้งแบบโครเมียม ตัดกับเส้นแนวนอน มีความเป็นสามมิติ กันชนหน้าติดตั้งกรอบโครเมียม พร้อมลายรังผึ้งสวยงาม

โลโก้ Flying B ที่ฝากระโปรงหน้าแบบเรืองแสง ซ่อนได้และมาพร้อมระบบกันขโมย ฝากระโปรงหน้าออกแบบแข็งแกร่ง บึกบึน พร้อมเส้นโครเมียมด้านหน้าฝากระโปรง มาพร้อมล้ออัลลอยลาย 10 ก้านของ Mulliner ติดตั้งยางขนาด 275/35R22 ที่ด้านหน้า และ 315/30R22 ที่ด้านหลัง 

ด้านข้างของตัวรถเดินเส้นโครเมียมที่ชายล่างของประตูต่อเนื่องมาจากกันชนหน้า ไปจรดที่กันชนท้ายของตัวรถ ชุดช่องลมด้านข้างสัญลักษณ์ฟลายอิ้ง บี พร้อมด้วยชุดโคมไฟท้ายที่มีไฟเรืองแสงรูปเดียวกัน กระจกมองข้างมาพร้อมไฟเลี้ยว ปรับและพับด้วยไฟฟ้าและติดตั้งกล้อง 360 องศา

หลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบ 2 ตอน ประตูเปิดกว้างได้ 90 องศา เพื่อรองรับการเข้า-ออกของผู้โดยสาร เสาซีมีแนวตั้งเพื่อเพิ่มพื้นที่เฮดรูมตอนหลัง พร้อมลาดลงเล็กน้อยไปจรดฝากระโปรงหลังเปิด ที่เปิดได้ด้วยรีโมต ปุ่มในรถ หรือการสอดเท้าเข้าไปใต้กันชน มีความน่าใช้งานครบครัน

ภายในห้องโดยสารเหมาะทั้งขับและทั้งนั่ง

ห้องโดยสารภายในมีความโดดเด่นด้วยหน้าจอแบบหมุนได้ที่มีให้เลือก 3 รูปแบบตามฟังชั่นส์การใช้งาน หน้าจอคอนโซลกลางเป็นหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว ที่มาพร้อมฟังชั่นส์การใช้งานที่สามารถเลือกการทำงานผ่านหน้าจอทั้งหมด และยังสามารถควบคุมด้วยปุ่มต่าง ๆ ที่แถวคันเกียร์ได้

การตกแต่งห้องโดยสารเน้นความเรียบหรูด้วยการใช้สีดำตัดกับลายไม้สีเข้ม และมีโครเมียมในตำแหน่งต่าง ๆ ที่มีการตัดลาย Daimond ตามตำแหน่งต่าง ๆ พวงมาลัยมาพร้อมระบบอุ่น ติดตั้งแพดเดิลชิฟท์มาไว้ที่ด้านหลัง เบาะที่นั่งสามารถปรับได้โดยละเอียด เพื่อให้รองรับสรีระของผู้โดยสารให้ดีที่สุด

ช่องปรับอากาศแบบวงกลม มาพร้อมปุ่มปิดแบบแป้นกดที่ติดตั้งมาให้รถดูมีความคลาสสิค วัสดุที่เลือกใช้ในรถนั้นเป็นส่วนผสมของหนังและโลหะ มีความตั้งใจในการออกแบบการแสดงผลให้มีความย้อนยุคเล็กน้อย และยังมีนาฬิกาแบบอนาล็อกที่ยังติดตั้งมาในห้องโดยสารอย่างสวยงามลงตัวทีเดียว

ทีมออกแบบห้องโดยสารใส่ลายละเอียดในการออกแบบทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นฝาครอบลำโพงที่ออกแบบเหมือนด้ายสีเงินถักกันอย่างสวยงาม เครื่องเล่นเสียงรองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ และรองรับเครื่องเล่นซีดี ที่ติดตั้งเอาไว้ในช่องเก็บสัมภาระด้านหน้าผู้โดยสาร เรียกว่าเอาใจผู้โดยสารรุ่นใหญ่เต็มที่

ภายในห้องโดยสารไม่เน้นการเล่นสีสันมากมาย แต่ใส่รายละเอียดการออกแบบที่ดี เช่น เบาะที่นั่งที่ออกแบบแบบไดมอนด์คัท และทำการฉลุยลายเพื่อระบายความร้อน พร้อมด้วยเบาะที่นั่งด้านหลังที่ปรับเอนได้ประมาณ 120 องศา ติดตั้งช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังทั้งที่เสาและตรงกลางรถ

ชุดเครื่องเสียงรุ่นใหญ่จาก naim กำลังขับสูงสุด 2200 วัตต์ ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะไม่คุ้นกับแบรนด์เครื่องเสียงนี้ แต่ขอบอกว่าเบนท์ลีย์เลือกใช้แบรนด์นี้เหนือกว่าเครื่องเสียงรุ่นมาตรฐาน และรุ่นกลางของ Bang & Olufsen ซึ่งคนไทยคุ้นเคยกว่า และขอบอกว่าเนมนั้นให้เสียงที่ไม่ธรรมดาด้วยลำโพง 19 ตัว

ที่เท้าแขนตอนหลังมาพร้อมที่วางแก้วและที่เก็บเอกสาร ติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสเหนือช่องแอร์เพื่อควบคุมระบบต่าง ๆ ด้านหน้า พร้อมหน้าจอแท็บเลตขนาดเล็กและหูฟังสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ โดยแท็บเลตนั้น สามารถถอดออกมาจากตำแหน่งหมอนรองศีรษะได้

เครื่องยนต์ที่เหลือเชื่อและอุปกรณ์ครบครัน

เบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ เป็นรถยนต์รุ่นท้าย ๆ ของประเทศไทยที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 12 สูบ จัดวางในรูปตัว W เครื่องยนต์รุ่นนี้มาพร้อมปริมาตรกระบอกสูบ 6.0 ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบส่งกำลังอัตโนมัติดูอัลคลัตช์ 8 สปีด ลงสู่ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ที่มาพร้อมระบบช่วยเลี้ยวเพื่อควบคุมตัวรถ

เครื่องยนต์รุ่นนี้ให้กำลังสูงสุด 635 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,500 รอบต่อนาที โดยตามสเปกนั้น ระบุว่าสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.8 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุด 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดา

ในรุ่นที่นำมาทำการทดสอบกันนั้น เป็นสเปคที่เรียกว่า City Specification ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานรถคันนี้ในเมือง นอกเหนือไปจากอุปกรณ์อย่างกล้อง 360 องศา หรือระบบช่วยจอดรถยนต์ต่าง ๆ แม้จะมีการตัดอุปกรณ์ออกไปเหมือนกันเพื่อให้มีความเหมาะสม

แต่อย่างไรก็ตาม หากซื้อรถคันนี้ก็จะได้อุปกรณ์พิเศษสำหรับ City Specification ไม่ว่าจะเป็นระบบกล้องรอบคันแบบ Top view ระบบช่วยเตือนป้ายจราจร ระบบเปิดห้องเก็บสัมภาระแบบไม่ใช้มือ ระบบช่วยเตือนการชนในเมือง รวมไปถึงระบบเตือนการชนจากด้านหลัง ที่ช่วยในเรื่องการขับขี่

สำหรับลูกค้าที่จับจองเป็นเจ้าของรถยนต์คันนี้ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเริ่มต้นหรือรุ่นพิเศษ รับไปทันที การดูแลและบำรุงรักษารถนาน 3 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนานอีก 3 ปี ซึ่งน่าจะทำให้เกิดความอุ่นใจในการใช้งานรถยนต์คันนี้บนท้องถนนเมืองไทยได้เหมือนกัน