Luxury เกรด | Sedan ตัวถัง | AT รูปแบบเกียร์ | 2.9L ปริมาตรกระบอกสูบ |
Bentley Flying Spur 2024 มีรูปภาพและรูปถ่ายทั้งหมด 165 รูป รวมรูปภาพ & รูปถ่ายภายใน 78 รูป รูปภาพ & รูปถ่ายภายนอก 78 รูป รูปเครื่องยนต์และทอื่นๆ 9 รูป ชมมุมมองด้านหน้า มุมมองด้านหลัง ด้านข้างและมุมมองด้านบนของ Bentley Flying Spur 2024 รุ่นใหม่ได้ที่นี่.
Bentley Flying Spur (เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเพอร์) รถยนต์ 4 ประตูที่มีรากฐานมาจากรถ Super GT 2 ประตูสุดเท่ของค่ายอย่าง Bentley Continental GT ก็นับว่านี่เป็นเจอเนเรชั่นที่สามแล้ว โดยเริ่มตัดคำว่า Continental ออกไปในเจนเนอเรชั่นที่แล้วนี่เองเพื่อที่จะต้องการพัฒนารถคันนี้ให้เป็นรถ Super GT 4 ประตูที่แท้จริง ในเจอเนเรชั่นที่สามเปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 หลังจากเปิดตัว Continental GT รุ่นใหม่เมื่อปี 2017 โดยขุมพลังที่ใช้เปิดตัวยังคงเป็นเครื่องยนต์เอกลักษณ์ของทางค่ายด้วยเครื่อง W12 ขนาด 6 ลิตร พ่วงด้วยเทอร์โบคู่ สำหรับประเทศไทยมีการนำเข้ามาเปิดตัวในเดือนเมษายนปี 2020 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 25.99 ล้านบาท ซึ่งทันทีที่เปิดตัวได้ข่าวว่ามีเศรษฐีไทยจองไปแล้วถึง 6 คัน
Bentley Flying Spur W12 ราคา 25,990,000 บาท
ปกติแล้ว Flying Spur มักจะออกแบบโดยการนำเอา Continental GT มายึดออกแล้วทำให้เป็น 4 ประตู แต่สำหรับเจนเนอเรชั่นที่สามนี้เอง นอกจากโคมไฟหน้าที่เหมือนกันนอกนั้นใช้ดีไซน์ไม่เหมือนกันเลย โดยไฟหน้าเป็นแบบ Matrix LED โดยได้แรงบันดาลใจจากคริสตัลตัวโคมล้อมด้วยกรอบโครเมียม กระจังหน้าเป็นซี่แบบตั้งดูหรูหรา บนกระจังหน้าคือความเปลี่ยนแปลงใหม่ด้วยการนำโลโกปีกของ Bentley ที่ติดแนบไปบนฝากระโปรงออกแล้วเปลี่ยนมาติดโลโก้ Flying B ที่ออกแบบใหม่เป็นแบบ 3 มิติแนวตั้งแทนโดยสามารถพับเก็บใต้ฝากระโปรงได้ถ้ามีพยายามมาจับ ช่องดักลมด้านล่างขนาดใหญ่พาดผ่านทั้งตัวรถ มีไฟตัดหมอกด้านหน้าและแถบโครเมียมตัดเข้ามุมรับกับช่องดักลม ฝากระโปรงนูนมีเหลี่ยมสันสัมผัสได้ถึงขุมพลังที่ซ่อนอยู่ข้างใน ด้านข้างมีช่องระบายความร้อนบริเวณหลังซุ้มล้อหน้าออกแบบคล้ายตัว B มีเส้นสายนูนออกมาจากตัวบอดี้พาดผ่านจากด้านหน้าไปถึงประตูหลัง โป่งล้อหลังนูนออกมาชัดเจน มีแถบโครเมียมกันกระแทกติดตั้งบริเวณแถวชายประตูรถพาดจากหลังซุ้มล้อหน้าถึงกันชนหลัง เหนือแถบโครเมียมด้านหน้ามีสัญลักษณ์ W12 แปะให้เห็นชัดๆ ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ทำให้ล้อดูเต็มซุ้มเสริมลุคสปอร์ตและหรูหราไปพร้อมกัน ด้านท้ายบริเวณฝากระโปรงอาจจะดูเรียบๆ มีโลโก้ Bentley แปะตรงกลางและคำว่า Bentley อยู่กลางฝากระโปรงท้าย ไฮไลท์อยู่ที่ไฟท้ายที่แม้จะออกแบบดูเหลี่ยมคล้ายเจนที่แล้วแต่ในความเหลี่ยมมีดีเทลภายในโคมที่ออกแบบให้ไฟท้ายเป็นรูปตัว B เวลาขับตามดูสวยงามและชัดเจน ท่อไอเสียเดี่ยวทรงรีออก 2 ฝั่งซ้ายขวา มีแถบโครเมี่ยมที่พาดจากด้านข้างมาถึงด้านหลังบริเวณที่ติดป้ายทะเบียน โดยรวมทั้งคันออกแบบให้หรูขึ้น
มิติตัวรถ Bentley Flying Spur | |||
---|---|---|---|
ความยาว (มม.) | 5,316 | ||
ความกว้าง (มม.) | 1,978 | ||
ความสูง (มม.) | 1,484 | ||
ระยะฐานล้อ (มม.) | 3,194 |
การออกแบบภายในบริเวณด้านหน้าเหมือนยกเอาคอนโซลของ Continental GT มาวางไว้เลยซึ่งมันดูดีมากอยู่แล้วโดยมีการแอบเปลี่ยนดีไซน์ช่องแอร์ตรงกลางจากแบบกลม 2 วง เป็นทรงแบบปีกและมีนาฬิกาแบบเข็มอนาล็อกขั้นอยู่ตรงกลาง วัสดุภายในแน่นอนว่าบุหนังเดินตะเข็บโดยหนังมีให้เลือกถึง 13 สี โดยหนังจะถูกทำการบุในแทบที่บริเวณบนแผงคอนโซล แผงประตู วัสดุตกแต่งเลือกได้ว่าจะใช้ลายไม้แบบสีเดียวหรือแบบ 2 สีตัดกันได้ โดยลายไม้จะยาวตั้งแต่บริเวณคอนโซลหน้าถึงแผงประตูหน้าซ้ายขวาลากเป็นแนวต่อเนื่องกัน แผงประตูหลังไม่มีลายไม้แต่ตกแต่งด้วยหนังลายข้าวหลามตัดแทน มีลำโพงขนาดใหญ่ฝังอยู่ในประตูหลังด้วยเช่นกัน เบาะนั่งเป็นลายข้าวหลามตัดทั้ง 4 เบาะ มีโลโก้ Bentley ปักอยู่บนเบาะครบทุกที่นั่งด้วยหรูหรา สวยงามมาก มาตรวัดออกแบบเป็นทรงกลม 2 วง โดยเป็นจอแบบดิจิตัลที่ทำเลียนแบบมาตรวัดแบบอนาล็อกและมีจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขั้นกลาง พวงมาลัยหุ้มหนังทูโทนสีเดียวกันแบบเบาะภายในตัวรถ บริเวณจอกลางเป็นแบบทัชสกรีนที่คุณสามารถพับแล้วเปลี่ยนรูปแบบได้ โดยจะเลือกซ่อนให้เห็นแต่ลายไม้เรียบๆเนียนไปกับคอนโซลกลาง หรือจะเลือกพลิกจอมาเป็นมาตรวัด 3 วงแบบเข็มอนาล็อก ที่แสดงเข็มทิศ นาฬิกาจับเวลาแบบเข็ม และอุณภูมิภายนอกได้ เบาะหลังแยกเป็น 2 เบาะของใครของมัน มีจอทัชสกรีนด้านหลังบริเวณเหนือช่องแอร์กลางด้านหลังที่ดึงออกมาควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานของรถได้ ทั้งระบบเครื่องเสียง ระบบปรับอากาศ ซันรูฟ ม่านบังแดด ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร ควบคุมได้ครบครัน มีจอแยกให้สำหรับผู้โดยสารด้านหลังแต่ละคน ที่พักแขนตรงกลางบุนุ่มและพับเก็บด้วยไฟฟ้าเองได้ มีกระจกแต่งหน้าให้ผู้โดยสารตอนหลังครบทั้งซ้ายขวาและไฟอ่านหนังสือแยกแต่ะละคน การตกแต่งภายในคุณสามารถเลือกการตกแต่งเพิ่มเติมเองได้ผ่านโปรแกรม Bentley Mulliner Personalisation ที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการได้เลย
ด้วยความเป็นรถ Super GT แต่ดั้งเดิมระบบอำนวยความสะดวกเพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างสบายได้แก่ ฝาท้ายเปิดปิดด้วยไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เท้า หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบยิงขึ้นจอ (HUD) ลำโพง Bang & Olufen ให้พลังเสียงที่ยอดเยี่ยมตลอดการเดินทาง จอกลางแบบทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay ได้ด้วยเช่นกัน ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 4 โซน เบาะนั่งปรับทิศทางได้ 22 ทิศทางพร้อมระบบดันหลังเพื่อที่จะรองรับกับสรีระของแต่ละบุคคล เบาะสามารถอุ่นร้อนหรือเป่าลมระบายอากาศได้ หรือจะเปิดโหมดนวดหลังก็ได้ ที่นั่งด้านหลังมีจอแยกให้แต่ละคนและมีหูฟังไวร์เลสแยกไว้สำหรับการรับเชิงความบันเทิงของแต่ละคนด้วย ด้านการขับขี่มาพร้อมช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับตามความเหมาะสมของการขับขี่ได้ และมีระบบเลี้ยวสี่ล้อที่ทำให้การเลี้ยวในที่แคบทำได้ดีขึ้นและการเลี้ยวที่ความเร็วสูงทำได้มั่นใจมากขึ้น
ระบบความปลอดภัยสำหรับรถระดับนี้แน่นอนว่ามีมาให้ครบครันทั้ง ระบบตรวจจับและเตือนคนเดินถนน (Pedestrian Warning) ระบบเบรกอัตโนมัติสำหรับในเมือง (City Braking System) ระบบเตือนป้ายและสัญญาณจราจร (Traffic-sign Recognition) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบช่วยขับขี่โดยทำงานตั้งแต่จุดหยุดนิ่ง (Traffic Jam Assist ACC) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (ALA) มีกล้องอินฟาเรดช่วยตรวจจับวัตถุตอนกลางคืน ระบบเตือนมุมอับสายตา (BSM) ระบบเตือนก่อนการชน (Pre-sense Braking) ครบถ้วน
ขุมพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bentley ตัวบนสุดซึ่งถูกนำมาประจำการบน Flying Spur รุ่นนี้เช่นกันได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 12 สูบวางสูบแบบ W ขนาดความจุ 6.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบคู่ ให้พละกำลังสูงสุด 635 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบคลัชต์คู่ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ สมรรถนะเหมาะกับการเป็นรถ Super GT ด้วยอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ทำได้ภายใน 3.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 333 กม./ ชม. สำหรับรถที่หนักเกือบ 2 ตันครึ่งคันนี้
การใช้งานในชีวิตประจำวันทำได้ดีขับไปเรื่อยๆไม่กระตุก ให้ความรู้สึกคล่องตัวพอสมควร ช่วงล่างไม่ได้เน้นนุ่มไปเลย ยังคงความสปอร์ตที่ขับสบายตามสไตล์รถ Super GT การคิกดาวน์อาจมีดีเลย์นิดนึงแต่หลังจากนั้นหลังติดเบาะแน่นอน เบรคมั่นใจตามสั่ง การทำความเร็วแค่เหยียบค้างไว้ความเร็วก็ไหลขึ้นต่อเนื่อง การขับเปลี่ยนเลนทำได้ดีแต่อาจจะไม่ได้ไวมากเพราะรถใหญ่แต่ไวทันกับสถานการณ์แน่นอน รถมีให้เลือกทั้งโหมด Comfort และ Sport และถ้าเลือกโหมด Sport ปุ้ปความเร็วที่ดีเลย์จะน้อยลง การออกตัวจะกระชากมากขึ้น เสียงท่อไอเสียดังขึ้น ช่วงล่างปรับให้แข็งและลดความสูงลงอีกหน่อยให้ฟีลที่สปอร์ตมากขึ้นจริงๆ
ตัวเบาะนุ่ม สบายมาก แต่ช่วงล่างมันไม่ได้นุ่มขนาดนั้นทำให้คุณอาจจะรู้สึกกระเทือนเล็กน้อย เบาะไม่มีตัวปรับรองน่องทำให้น่าเสียดายนิดหน่อยแต่รถคันนี้มันแอบซิ่งก็คงอาจจะเหมาะสมแล้วก็ได้ แต่อย่างน้อยก็เอนหลังได้ จอทัชสกรีนตรงกลางทำงานได้ดี จอส่วนตัวด้านหลังดึงออกมาเป็นแท็บเล็ตได้แถมมีหูฟังแบบไวเลสให้ใช้งานแยกได้ ทำให้นั่งดูหนังได้สบาย ที่พักแขนตรงกลางนุ่มแต่การเก็บด้วยไฟฟ้าทำงานแบบสมูทมากไปหน่อยกว่าจะเข้าที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน ไฟอ่านหนังสือแยกปรับความสว่างได้และเป็น LED มีกระจกเผื่อเอาไว้แต่งหน้าให้ การออกแบบเรียกได้ว่าใส่ใจผู้โดยสารแถวหลังเป็นอย่างมาก โดยรวมสบาย หรู และทันสมัย แต่โต๊ะสำหรับเขียนเอกสารที่เคยมีในเจนเนอเรชั่นที่สองกลับถูกตัดออกไปอย่างน่าเสียดาย
Bentley Flying Spur เจนเนอเรชั่นที่สาม สร้างความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทั้งดีไซน์ภายนอกที่เปลี่ยนไปใช้ดีไซน์แยกของตัวเองแบบชัดเจน พยายามใช้ร่วมกับ Continental GT น้อยที่สุด โลโก้ Flying B แบบใหม่บนฝากระโปรงหน้าที่พับเก็บได้ ไฟท้ายทรงตัว B ที่มีในโมเดลนี้ครั้งแรกของ Bentley ผสานความหรูหราแต่ยังคงความสปอร์ตสำหรับการเดินทางไกลตามจุดกำเนิดของรถได้อย่างเต็มที่ ภายในผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับลายไม้ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะจอกลางที่เป็นไฮไลท์ที่สามารถพลิกจอเลือกโหมดการทำงานได้ ไม่ซ้ำใครแน่นอน รถคันนี้ไม่ว่าจะนั่งโดยสารหรือจะขับเองคุณก็สามารถเพลิดเพลินไปกับรถได้พร้อมกัน ระบบความปลอดภัยและระบบอำนวยความสะดวก การใช้งานในเมืองทำได้ดีมากขึ้นกว่าเจนก่อน วงเลี้ยวแคบ การขับออกนอกเมืองยังแรงสะใจเหมือนเดิม เหมาะกับการเดินทางทุกรูปแบบมากขึ้น
มีถาดวางอเนกประสงค์ สำหรับผู้โดยสารตอนหลังและรุ่นย่อยของBentley Flying Spur ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 Bentley Flying Spur 6.0L W12 |
ถาดวางอเนกประสงค์ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง | ใช |
มีระบบเครื่องเสียงแบบ 2DINและรุ่นย่อยของBentley Flying Spur ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 Bentley Flying Spur 6.0L W12 |
ระบบเครื่องเสียงแบบ 2DIN | ใช |
มีหน้าปัดบอกระยะทางแบบดิจิตอลและรุ่นย่อยของBentley Flying Spur ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 Bentley Flying Spur 6.0L W12 |
หน้าปัดบอกระยะทางแบบดิจิตอล | ใช |