การออกแบบรถยนต์ในปัจจุบัน มีการนำบางชิ้นส่วนที่เคยสาบสูญไปในสมัยเก่า กลับมาใช้ในรถใหม่ และสามารถใช้งานได้จริง แม้กระทั่งรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังได้รับประโยชน์ด้วย ตามความเห็นของทีมงานแล้ว เราคิดว่ามี 5 อย่างนี้ที่กำลังเป็นกระแสจะกลับมาฮิตอีกครั้ง
สมัยช่วงปี 1980 เป็นยุคเปลี่ยนแปลงการออกแบบกันชนหน้า จากเดิมที่เป็นวัสดุยูริเทนไม่ทำสี โชว์พื้นผิวสีดำด้านตัดกับสีตัวถังรถ ได้มีรถหลายรุ่นที่ออกใหม่ในยุค 80 เปลี่ยนทำสียูริเทนให้เป็นสีเเดียวกับตัวรถ โดยใช้คำโฆษณาว่า Color key อันเป็นที่เข้าใจกันว่า รถรุ่นนี้มีสีเดียวกับตัวรถ จากนั้นก็สืบทอดกระแสการทำสีกันชนนี้มาแพร่หลายในยุค 90 เรียกว่าแทบไม่มีรถเก๋งหรือกระบะรุ่นไหน ที่มีกันชนพลาสติกสีดำอีกแล้ว
ปัจจุบันนี้กันชนสีดำกลับมาฮิตอีกครั้ง เนื่องจากกระแสครอสโอเวอร์ที่ต้องการโชว์ความบึกบึนและดุดัน ด้วยการไม่ทำสีพลาสติกกันชน โชว์สีดำด้านของเนื้อวัสดุ ทำให้ผู้ใช้สามารถเอาไปลุยได้โดยไม่ต้องห่วงว่าสีตัวถังบนกันชนจะถลอก (เพราะมันไม่มีสีให้ถลอก) ตัวอย่างรถเก๋งและเอสยูวีที่มีกันชนสีดำอย่างนี้ เช่น Subaru WRX, Toyota Corolla Cross
ไฟหน้าป๊อบอัพ คือการออกแบบซ่อนโคมส่องสว่างลงไปในเปลือกตัวถัง ทำให้ดูเหมือนไม่มีไฟหน้าอยู่ ซึ่งเทรนด์การออกแบบรถในปัจจุบันก็นำไอเดียนี้มาใช้แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้มีกลไกพับเก็บเข้าไปในเปลือกตัวถังเหมือนแต่ก่อน กลับกลายเป็นการซ่อนไฟหน้าให้กลมกลืนกับชิ้นส่วนอื่นของตัวถัง เช่น Hyundai staria ที่ซ่อนไฟหน้าไว้ในกรอบกระจัง หรือจะเป็น Volvo EX90 ที่ซ่อนไฟหน้าจริงไว้ด้านหลังเส้นเดย์ไลท์
ฝาครอบล้อสมัยยุค 80-90 มีเพื่อปกปิดรูปทรงที่น่าเกลียดของกระทะล้อ จากนั้นรถยนต์หลายรุ่นก็เปลี่ยนไปใช้ล้อแม็กซ์ลายสวยเป็นมาตรฐาน แต่ในปัจจุบันฝาครอบล้อกลายเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความลู่ลมให้กับรถยนต์ไปแล้ว เนื่องจากการออกแบบฝาครอบล้อปัจจุบันที่มีพื้นผิวเรียบ ทำให้อากาศไหลผ่านล้อไปง่าย ส่วนใหญ่พบได้ในรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย เช่น Tesla Model S, ORA Good Cat ฯลฯ
นาฬิกาแบบเข็มที่ติดตั้งอยู่บนคอนโซลหรือบนหน้าปัดในยุค 60-70 ถูกแทนที่ด้วยนาฬิกาดิจิตอลในยุค 80 เป็นต้นมา และยิ่งในยุค 2000 ได้ถูกฝังลงในหน้าจออินโฟเทนเมนท์เป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ปัจจุบันนี้ เริ่มมีกระแสกลับมาใช้นาฬิกาแบบเข็ม เพื่อโชว์ความปราณีตของการทำกลไกในรถยนต์ และสื่อถึงความคลาสสิค เช่น Volkswagen Passat, Suzuki Vitara, Lexus RX
รถยนต์รุ่นคลาสสิคดั้งเดิม มักจะมีด้ามเกียร์อยู่ตรงคอพวงมาลัย เพื่อความสบายของคนขับในการเปลี่ยนเกียร์ และเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารตอนหน้า ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงกลไกการเปลี่ยนเกียร์เป็นด้ามอยู่บนพื้นรถ เพื่อลดชิ้นส่วนความซับซ้อนของกลไกการเปลี่ยนเกียร์ ทำให้เราแทบไม่เจอรถยุค 90-2000 ที่ใช้เกียร์คอเลย จนกระทั่งปัจจุบันนี้ มีการเปลี่ยนระบบเกียร์เป็นสวิตช์ไฟฟ้า ไม่มีด้ามโยกอีกต่อไป ทำให้ปุ่มเลือกเกียร์ในลักษณ์กดหรือหมุน สามารถฝังตัวอยู่บนคอนโซลกลาง หรืออยู่ใกล้กับคอพวงมาลัยได้อีกครั้ง
กระแสการออกแบบรถยนต์จากยุคเก่านำมาใช้ใหม่ ไม่ใช่การถอยหลังลงคลอง แต่เป็นไปตามเทคโนโลยียานยนต์ที่มีมากขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้คือดีไซน์ที่ดี สามารถอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างราบรื่น
อ่านเพิ่มเติม : เทียบค่ายรถยนต์เป็นแบรนด์นาฬิกาข้อมือ แต่ละยี่ห้อจะมีภาพลักษณ์ระดับไหนกัน?
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}