Audi (อาวดี้) เป็นค่ายรถอีกค่ายหนึ่งที่กำลังขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า โดยจะให้รถรุ่นใหม่ต่อจากนี้จะใช้วิธีการตั้งชื่อแบบใหม่ ให้ตัวเลขคี่เป็นชื่อรุ่นรถน้ำมัน และรถ EV จะมีชื่อรุ่นเป็นเลขคู่แทน

ยกตัวอย่างเช่น Audi A6 E-tron ตั้งแต่ปี 2024 จะจำหน่ายควบคู่ไปกับ A6 เครื่องสันดาปที่มีก่อน และในอนาคต A6 เครื่องสันดาปนี้จะเปลี่ยนเป็น A7 นั่นเอง ในทำนองเดียวกัน Q6 E-tron ที่กำลังมานั้นก็จะเป็นทางเลือกขุมพลังไฟฟ้าของ Q5 ซึ่งกำลังจะมีการโมเดลเชนจ์ในปี 2024 พร้อมเครื่องยนต์สันดาป

แบ่งทั้งสองขุมพลังให้ชัดเจน

Oliver Hoffmann หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของ Audi อธิบายถึงแนวคิดของการตั้งชื่อใหม่นี้ว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะเป็นไปแบบอัตโนมัติและทำให้ความแตกต่างระหว่างรถทั้งสองขุมพลังมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

Hoffmann กล่าวว่า “เราจะต้องทำให้โครงสร้างมีความชัดเจนขึ้นเพื่อลูกค้าของเรา ในรถ B-segment ทุกวันนี้เรามี Q5 เราอาจพูดได้ว่าเรามี Q5 ICE และมี Q5 E-tron แต่เราตัดสินใจที่จะมีวิธีที่ชัดเจนสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรา”

“ตัวอย่างเช่น A6 โดย A6 เป็นรถที่อยู่ในเซกเมนต์หลักของเรา และเราจะแสดงให้เห็นด้วย A6 E-tron ที่กำลังจะมาถึง นี่คือรถโมเดลหลักของเราใน C-Segment และอนาคตจะกลายเป็นไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจมอบเลขคู่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้า”

ตัด E-Tron ออกเลยได้ไหม

เมื่อมีวิธีการตั้งชื่อใหม่ขึ้นมา ก็จะมีข้อสงสัยว่า เราจะสามารถนำชื่อ E-tron ที่ต่อท้ายออกได้เลยหรือไม่ Hoffmann กล่าวว่า “ในอนาคต A6 จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ (BEV) มันจะกลายเป็น A6 E-tron เหมือนกับ Q6 E-tron แต่ถ้าใครก็ตามที่บอกว่า ‘นี่คือ Q6’ คุณก็จะรู้ว่านี่คือรถ BEV แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องใช้ E-tron หรือ ICE ต่อท้าย”

สำนักข่าว Autocar มีความเข้าใจว่า การต่อท้ายด้วย E-tron จะยังคงอยู่ แต่จะอยู่ในรูปแบบที่เจาะจงมากขึ้น เช่น TDI หรือ TFSI ที่ทาง Audi ใช้ในทุกวันนี้เพื่อบอกว่าเป็นเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล

“หากคุณลองมองตลาดในภาพรวม คุณจะเห็นป้ายมากมายที่จะแสดงให้เห็นว่า ‘นี่คือรถยนต์ไฟฟ้า’, ‘นี่คือ PHEV’ และจากมุมมองของเรา นี่เป็นโครงสร้างของการตั้งชื่อที่ชัดเจนแล้ว” Hoffmann กล่าว

อ่านเพิ่มเติม: พาชม Audi RS Q3 Sportback Edition 10 ครั้งแรกในไทย เริ่ม 5.299 ล้าน จำกัด 555 คันทั่วโลก