ลอง "นั่ง" Volkswagen ID. Buzz
ลอง "ขับ" กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า
Fast Auto Show & EV Expo 2023 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 - 9 กรกฎาคม 2566 ณ ไบเทค บางนา ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
นอกจากจุดเด่นในการจัดแสดงรถใหม่ และรถมือสองภายในงานแล้ว งานฟาสท์ ออโต้ โชว์ครั้งนี้จะมีการจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ก็ยังมีมากันอย่างครบครัน
สำหรับการจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้านั้นไม่ได้มีมาแบบพอเป็นพิธี แต่มีมาให้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะนอกจากไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้าในค่ายรถต่าง ๆ แล้ว เราจะเห็นได้ว่าเหมือนมีสนามย่อม ๆ ในอาคารที่เอาไว้เพื่อสัมผัสประสบการณ์กับรถอีวีโดยเฉพาะ
พวกเรา AutoFun Thailand จึงไม่รอช้า ไปลองสัมผัสประสบการณ์รถอีวีภายในงานนี้และนำประสบการณ์มาบอกเล่ากัน
พื้นที่สีเทาจะเป็นส่วนของสนามทดลอง EV
สัมผัสการ "นั่ง" รถ EV
พื้นที่สำหรับสัมผัสประสบการณ์อีวีในงานฟาสต์ ออโต้โชว์จะอยู่บริเวณใกล้กับโซนรถมือสอง และติดกับบูธของ PTT โดยจะมีโต๊ะให้จองคิวกันก่อน เมื่อถึงคิว พนักงานจะเรียกให้เราไปที่รถที่เราต้องการ
รถยนต์ไฟฟ้าคันที่เราเลือกจะเป็น Volkswagen ID. Buzz อีวีบัสที่ให้อารมณ์เรโทรคล้ายโฟล์คตู้สมัยก่อน ซึ่งจากที่สอบถามเจ้าหน้าที่แล้วพบว่ารถคันนี้เป็นที่นิยมที่สุดในงานแล้ว
ถึงแม้สนามจะดูน่าขับขี่เพียงใด แต่สนามก็ยังมีพื้นที่จำกัดประมาณการจัดแข่งโกคาร์ทเท่านั้น การสัมผัสประสบการณ์จึงต้องมาในรูปแบบที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้ขับขี่รถอีวีคันที่เราเลือกให้ แล้วเราเป็นคนนั่งเท่านั้น
เราคิดว่า หนึ่งในเหตุผลที่ VW ID. Buzz ได้รับความนิยมในงานนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวรถมีความแปลกใหม่ ไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้าแบบทั่วไป
การเข้าไปในรถนั้นทำได้ง่ายในตำแหน่งที่สะดวกกว่ารถตู้ในท้องตลาดเล็กน้อย เบาะนั่งข้างคนขับแบบไฟฟ้าถอยออกมารับคนให้เข้าไปได้สะดวก เมื่อนั่งและปิดประตูแล้ว เบาะนั่งจะกลับไปยังตำแหน่งที่ตั้งไว้
จากการเข้าไปนั่งและสัมผัสประสบการณ์ขับขี่แบบสั้น ๆ เราพบว่า ID. Buzz มีทัศนวิสัยที่โปร่งโล่งสบาย ให้อารมณ์ที่ทำให้คิดถึงโฟล์คตู้สมัยก่อนได้จริงอย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้
สำหรับ ID. Buzz ที่เราได้ทดลองนั่งนั้นเป็นรุ่นฐานล้อสั้น ซึ่งมีเพียง 5 ที่นั่งเท่านั้น และจากการสอบถามกับเจ้าหน้าที่เบื้องต้นพบว่า รถคันนี้วิ่งได้ไกลสุดประมาณ 400 กม.
ซึ่งถือว่าน่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระพอสมควร แต่ไม่ต้องการเอสยูวีและต้องการหน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้
นอกจากนี้ ภายในบูธยังมีรถยนต์ไฟฟ้าให้ลองสัมผัสประสบการณ์อีกหลายรุ่น เช่น รถยุโรปอย่าง Mercedes-Benz EQS , Audi e-Tron GT , Tesla Model Y , Ford Mustang Mach-e ไปจนถึงรถอีวีราคาเข้าถึงง่ายอย่าง ORA Good Cat GT หรือ MG4 ก็มีให้ลองนั่งกัน
เราพบรุ่นที่ขับสนุกที่สุดในงาน
หลังจากที่สัมผัสการลองนั่งรถยนต์ไฟฟ้ากันมาแล้ว เราได้มาลองสัมผัสอีวีในอีกรูปแบบหนึ่งในบูธ Monowheel ซึ่งเป็นการจัดแสดงอีวีสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลักเช่น จักรยานไฟฟ้า หรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า โดยมีหลากหลายรูปแบบตามต้องการ
สิ่งที่เราได้ทดลองขับคือ Airwheel กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าที่นั่งขับได้ โดยมีลักษณะเหมือนกระเป๋าเดินทางทั่วไปทุกประการ แต่จะมีล้อของกระเป๋าที่ใหญ่กว่าแบบทั่วไป และมีที่ให้ดึงแฮนด์ขึ้นมาได้ เราสามารถนั่งขับบนกระเป๋าได้เลย โดยแฮนด์สามารถควบคุมการขับขี่ได้ง่ายด้วยเบรกที่ลูกบิดด้านซ้ายและคันเร่งที่ลูกบิดด้านขวา
สิ่งที่สังเกตได้จากการขับสั้น ๆ คือแฮนด์มีความไว ไม่เหมาะกับการหักแบบกะทันหัน แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลกันเพราะไม่สามารถบิดได้เร็วเท่าไรนัก
หลายคนสงสัยว่ากระเป๋าเดินทางไฟฟ้าแบบนี้จะนำขึ้นเครื่องบินได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ของโมโนวีลให้ข้อมูลกับเราว่าสามารถนำไปโหลดใต้เครื่องได้ แต่ต้องถอดแบตเตอรี่ออกมา ซึ่งแบตเตอรี่ที่มากับกระเป๋านั้นมีความจุที่อยู่ภายใต้การกำหนดของสายการบินส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ไลน์อัพกระเป๋าเดินทางไฟฟ้าของโมโนวีลนั้นมีน้ำหนักเริ่มต้นอยู่ที่ 7-9 กก. ซึ่งยังไม่รวมสัมภาระอีกหลายกิโล กระเป๋าแบบนี้จึงอาจจะเหมาะกับคนบางคนเท่านั้น
เราจะถือว่า EV ในบูธของโมโนวีลคือรถไฟฟ้าที่สามารถลองขับได้ภายในงานนี้ เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่เราไปคือการสัมผัสประสบการณ์ด้วยการ "นั่ง" เท่านั้น
อย่าลืมดูโชว์ล้างรถกันล่ะ
สรุปแล้วในงาน Fast Auto Show & EV Expo 2023 นอกจากเราจะได้ชมรถใหม่และรถมือสองแล้ว เรายังมีโอกาสที่จะได้สัมผัสรถยนต์ไฟฟ้าขณะเคลื่อนที่แบบสั้น ๆ อีกด้วย แต่ก็คงเป็นแบบเรียกน้ำย่อยเท่านั้น หากต้องการขับจริง ๆ การติดต่อผู้แทนจำหน่ายอาจจะได้รับประสบการณ์ที่เต็มอิ่มกว่า
อ่านเพิ่มเติม: รวมรถเด่นทุกบูธในงาน Fast Auto Show 2023 มีทั้งรถใหม่รุ่นดัง และมี EV ให้ลองขับด้วย