จากรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่า Nio (นีโอ) ค่ายรถจากจีน ได้เผยว่ากำลังจะพัฒนาแบตเตอรี่ที่รองรับกำลังไฟฟ้าแรงสูงขึ้นเองในปี 2024 ซึ่งสิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาบริษัทเพื่อเพิ่มผลกำไรและความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่ง เช่น Tesla
- รถรุ่นใหม่ของ Nio จะใช้ระบบไฟฟ้า 800 โวลต์?
- ผลิตเองเพื่อลดต้นทุนแบตเตอรี่?
- ปีนี้อาจส่งมอบรถได้น้อยลง
รถรุ่นใหม่ของ Nio จะใช้ระบบไฟฟ้า 800 โวลต์?
William Li ประธานของ Nio กล่าวว่าในช่วงครึ่งปีหลังของ 2024 ทางบริษัทจะสามารถผลิตแบตเตอรี่ในระบบไฟฟ้า 800 โวลต์ซึ่งมีความสามารถในการชาร์จไฟเข้าเร็วกว่าแบตเตอรี่ 400 โวลต์แบบเดิมที่ใช้ในอีวีทุกวันนี้ ซึ่งอีวีที่ใช้ระบบไฟแบบ 800 โวลต์ในขณะนี้ที่มีในตลาดได้แก่ Porsche Taycan, Audi e-tron GT, Lucid Air, Hyundai Ioniq 5 และ Kia EV6
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
เขายังกล่าวเสริมว่าตอนนี้มีพนักงานของนีโอกว่า 400 คนที่กำลังวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่และบริษัทยังวางแผนที่จะใช้เซลล์แบตเตอรี่ที่ผลิตขึ้นเองและจากผู้ผลิตภายนอกควบคู่กันไปในระยะยาว เช่นเดียวกับ Tesla
อ่านเพิ่มเติม : ผู้เชี่ยวชาญชี้รถยนต์ไฟฟ้าระบบ 800 โวลต์คือเป้าหมายสูงสุด ขายดีแม้ราคาแพง
ลดต้นทุนแบตเตอรี่
โดยชุดแบตเตอรี่ที่ผลิตเองจะนำไปใช้ในรถรุ่นที่จำหน่ายในจำนวนมากที่มีราคาระหว่าง 200,000 - 300,000 หยวน หรือประมาณ 1.05 - 1.5 ล้านบาท ภายในครึ่งปีหลังของ 2024 ซึ่งในตอนนี้รถรุ่นที่มีราคาต่ำที่สุดของแบรนด์คือ Nio ET5 ซึ่งเริ่มต้นที่ 328,000 หยวนหรือประมาณ 1.7 ล้านบาท
Nio กล่าวว่าต้นทุนของแบตเตอรี่กำลังจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 หลังจากการต่อสัญญากับ CATL เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทได้รายงานถึงผลขาดทุนสุทธิ 1.8 พันล้านหยวน (9.5 พันล้านบาท) ในไตรมาสแรกของปีนี้ ลดลงจาก 4.9 พันล้านหยวน (2.58 หมื่นล้านบาท) ในปีที่แล้ว
อาจส่งมอบรถได้น้อยลง
นอกจากนี้ยังคาดการณ์การส่งมอบรถว่าจะอยู่ระหว่าง 23,000 - 25,000 คันในไตรมาสที่ 2 นี้ ลดลงจาก 25,768 คันในไตรมาสแรก เนื่องด้วยการลดกำลังการผลิตจากการล็อกดาวน์ 2 เดือนในเซี่ยงไฮ้
ในรายงานการขายล่าสุดระบุว่า Nio ได้ส่งมอบรถไปแล้ว 7,024 ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมียอดสะสมที่ 37,866 คันเมื่อเทียบกับปีที่แล้วพบว่ามียอดส่งมอบเพิ่ม 11.8% และในวันเดียวกับการรายงานนี้คือวันเปิดตัวของ Nio ES7 เอสยูวีไฟฟ้าสุดหรูที่พร้อมเป็นคู่แข่งกับแบรนด์ยุโรป รวมถึง Tesla Model Y
อ่านเพิ่มเติม : Nio ใช้เวลาแค่ 4 ปี ผลิตและขายรถถึง 2 แสนคันได้อย่างไร
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });