คนไทยมักจะคุ้นชินกับรถยนต์ค่ายดาวลูกไก่ หรือ Subaru (ซูบารุ) หนึ่งในยี่ห้อที่ชายไทยสมัยก่อนรวมถึงสมัยนี้ใฝ่ฝันหาด้วยดีกรีความแรงที่รับประกันได้ใน WRX
ถึงปัจจุบันจะเปลี่ยนมือมาทำรถครอบครัวมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังทำออกมาได้ดี จนออกมาเป็น Subaru XV (ซูบารุ เอกซ์วี) ให้คนไทยได้ใช้ในปี 2012 ในราคา 1.35 ล้าน แต่ปัจจุบันหาได้ไม่เกิน 4-5 แสนเท่านั้น แล้วถ้าจะซื้อมือสอง จะมีอะไรน่าห่วงหรือไม่?
Subaru XV มาได้ยังไง
จริง ๆ แล้ว XV นั้นพัฒนาจาก Subaru Impreza ที่จับมายกสูง ขยายตัวถังให้ใหญ่เพื่อขายในตลาดอเมริกา เพราะในช่วงนั้นซูบารุไม่มีทุนพอที่จะพัฒนา SUV คันใหม่
กลับกลายเป็นถูกใจกลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการ SUV คันใหญ่ แต่ต้องการรถที่มีขนาดเล็กกระทัดรัดจึงพัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ
ปัจจุบันมีอยู่ 2 รุ่น คือ GP ในปี 2011 และ GT ในปี 2017 แต่เริ่มเข้ามาขายไทยในปี 2012 และปรับโฉมตามมาในปี 2019 แต่เราจะมาดูในโฉมแรกกัน เนื่องจากมีราคาถูกที่สุด
ดีที่ราคาถูก
ข้อดีหลัก ๆ ของซูบารุ เอกซ์วี มือสองคือด้วยความที่ไม่ใช่รถตลาด ทำให้รถมีราคาที่ถูกมาก ๆ โดยรถที่ปี 2012 จะมีราคาเริ่มต้นถูกที่สุดที่เคยเห็นเพียง 309,000 บาทเท่านั้น แต่เราจะแนะนำให้ซื้อรุ่นหลังไมเนอร์เชนจ์แล้วมากกว่า เนื่องจากจะได้รับการแก้ไขปัญหาจอภายในแล้ว
นอกจากนี้จะยังได้รถขับสี่ตลอดเวลาในราคาย่อมเยาว์ที่เรียกว่าถูกที่สุดในกลุ่มกว่าได้ คุณภาพสมราคา สามารถพอลุยน้ำกรุงเทพได้เมื่อมีน้ำขังด้วยความสูง 220 มม.
ความปลอดภัยมีระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมการทรงตัว VDC รวมถึงถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ลูก ขณะที่ฝั่งคนขับจะเสริมถุงลมป้องกันหัวเข่ามาให้อีกหนึ่งลูก
ข้อเสียโดยหลัก
อย่างแรกที่ต้องพูดถึงคือ ความที่ไม่ใช่ยี่ห้อตลาดก็มีข้อเสียเช่นกัน เนื่องจากมีศูนย์บริการน้อย ปัจจุบันมีอยู่แค่ 40 กว่าที่เท่านั้น และตามต่างจังหวัดจะมีเพียงจังหวัดใหญ่ ๆ จึงอาจทำให้รอคิวซ่อมเยอะ และอะไหล่บางตัวอาจรอนาน
ข้อควรระวังก็คือ ในเจนแรกจะไม่มีเกจวัดความร้อนของน้ำมาให้ จะมีแค่ไฟสีฟ้าขึ้นว่าปกติ ถ้าแดงเมื่อไรก็คือโอเวอร์ฮีทเลย จึงต้องหมั่นตรวจสอบและเปลี่ยนตามระยะ
อ่านเพิ่มเติม MG6 โฉมแรกอายุ 8 ปีแล้ว มีจุดไหนต้องซ่อมบ้าง
อาการประจำรุ่น
สิ่งที่ผู้ใช่หลายคนกล่าวเป้นเสียงเดียวกันคือลูกปืนล้อหลังที่มีอายุสั้น มักจะดังหรือแตกในช่วงทุก ๆ ระยะ 80,000 กม. บางคนก็ว่าเนื่องจากเป็นรถขับสี่จึงเสื่อมไว แต่บางคนก็บอกว่า เป็นปัญหาการออกแบบที่พลาด เพราะใน Subaru Forester (ซูบารุ ฟอเรสต์เตอร์) กลับไม่พบเพราะมี Seal แล้ว แต่ของรุ่นนี้ไม่มี ว่ากันว่าการประกอบจากมาเลเซียก็ไม่มี Seal ให้และพบว่าเมืองนอกก็พบปัญหานี้เช่นกัน แต่ปัจจุบันกล่าวว่าได้รับการแก้ปัญหาแล้ว
นอกจากนี้ยังมีอาการกินยางคู่ใน แก้ไขด้วยการตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่ ในบางคันอาจพบปัญหาเกียร์ CVT กระตุก แต่ขึ้นอยู่กับการดูแลและดีเฟคเฉพาะคันจริง ๆ
ในรุ่นแรก ๆ หน้าจออาจมีอาการติด ๆ ดับ ๆ สามารถเอาไปแก้ไขด้วยการอัพเดตในศูนย์
เครื่องยนต์
มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบนอน Boxer 150 แรงม้า แรงบิด 196 นิวตนเมตร เกียร์ Linear Tronic CVT 6 สปีด ทำความเร็วสูงสุดได้ 187 กม./ชม. อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. 10.7 วินาที
ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบปีกนกคู่ Double Wishbone การขับขี่มั่นใจได้ในความเร็วสูง ผู้ใช้งานจริงกล่าวว่ามีอัตราประหยัดน้ำมันที่ประมาณ 13-15 กม./ลิตร
ซื้อรุ่นไหนดี?
หากคุณต้องการประหยัดเงิน ในรุ่นแรกระหว่างปี 2012 - 2015 ก่อนไมเนอร์เชนจ์จะมีราคาเริ่มแค่ 3 แสนบาทต้น ๆ แต่ก็อาจพบปัญหาอยู่บ้าง เพิ่มเงินอีกสักนิดไปซื้อปี 2016 - 2019 จะดีกว่าที่ราคาประมาณ 5 - 6 แสนบาท
แต่หากงบถึง หรืออยากได้ของใหม่ที่สุด รุ่นปรับโฉมแล้วในปี 2019 จะมีหน้าตาที่ดูสปอร์ตมากกว่า พร้อมทั้งอัพเกรดระบบความปลอดภัย แต่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 7 แสนบาทต้นขึ้นไป
และได้เพลทฟอร์มใหม่ Subaru Global Platform แล้ว ทำให้ตัวถังจะมีความแข็งแกร่งมากกว่ารุ่นก่อนถึง 70 % ลดการสั่นสะเทือนของพวงมาลัยและเสียงภายใน นอกจากนี้ยังปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลขึ้น 50% จากรุ่นเดิม
รถคันนี้เหมาะกับใคร?
หากคุณเป็นคนที่มีครอบครัวขนาดเล็ก มีการออกไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ขนของเล็กน้อย เป็นรถคันที่ 2 ติดไว้ที่บ้านอีกคัน รถคันนี้จะสามารถตอบโจทย์ได้ดี
แต่หากคุณต้องการใช้ Subaru XV เป็นรถคันแรกเราอาจจะไม่ค่อยแนะนำ เพราะหากเสียก็อาจต้องจอดทิ้งไว้ศูนย์นาน จนคุณไม่มีรถขับได้
อ่านเพิ่มเติม Subaru XV สอบตกทดสอบชนด้านข้างแบบใหม่