2022 Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์-วี) โฉมโมเดลเชนจ์ เปิดตัวไปแล้วในอินโดนีเซีย ซึ่งมีราคาสูงอยู่ในอันดับต้นๆ ของระดับเดียวกัน ด้วยค่าตัว 346.6 ล้านรูเปีย ทำให้ผู้ซื้อจะมีความคาดหวังสูงในหลาย ๆ ด้าน เมื่อทีมงาน Autofun ในอินโดนีเซียได้ทดลองขับแล้ว กลับพบว่าเขายังมีข้อบกพร่องที่ค่อนข้างเป็นภาระ เมื่อพิจารณาจากราคาที่ค่อนข้างแพง แม้จะมีข้อดีอื่น ๆ มากก็ตาม แต่ข้อบกพร่องชดเชยด้วยจุดเด่นหรือไม่?
พวงมาลัยปรับเข้าออกไม่ได้
หากดูจากฮอนด้ารุ่นอื่น ๆ แล้ว ก็คิดว่าการประกอบรถที่มีพวงมาลัยปรับเข้า-ออกก็ทำได้ไม่ยาก แต่ว่าในรถ Honda BR-V ใหม่ จะมีพวงมาลัยปรับสูงต่ำได้เท่านั้น ซึ่งรถในระดับเดียวกันส่วนใหญ่มีการปรับได้ แม้การปรับพวงมาลัยยืดเข้า-ออกนี้ไม่ใช่เรื่องพื้นฐานก็จริงอยู่ แต่จะดีกว่าถ้ามีความสามารถนี้ เพื่อให้ท่านั่งหลากหลายขึ้น ตามท่าทางของร่างกายแต่ละบุคคล
ข้อชดเชยตรงจุดนี้คือ ตำแหน่งการขับขี่ของ BR-V นั้นค่อนข้างสบาย ทั้งในด้านคุณภาพของเบาะรองนั่ง และที่จับพวงมาลัยกระชับมือ ตลอดจนมุมมองทัศนวิสัยที่กว้าง
คอนโซลกลางดูราคาถูก แค่ส่วนเดียว
หากคุณมีโอกาสได้สัมผัส Honda BR-V โดยตรง ให้ลองดูที่บริเวณคอนโซลกลางด้านล่าง พลาสติกที่พันบริเวณคันเกียร์ เข้ากับเต้ารับไฟฟ้า เรารู้สึกว่าบริเวณนั้นแข็งน้อยกว่า พลาสติกค่อนข้างยืดหยุ่นและให้ความรู้สึกราคาถูก นี่ไม่ใช่สิ่งที่รบกวนมาก และไม่ส่งผลต่อคุณภาพการขับขี่ อย่างไรก็ตาม มันเป็นความขัดใจที่เห็นสิ่งนี้ราคาถูก เพราะในด้านอื่นๆ คุณภาพภายในของ BR-V นั้นดีมาก ตั้งแต่เบาะนั่งไปจนถึงขอบประตูหรือแผงหน้าปัด
เบรกมือยังดึงธรรมดา
คู่แข่งของ 2022 Honda BR-V อย่าง Mitsubishi Xpander Cross และ Toyota Veloz สามารถจัดหาเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Hold ในรุ่นที่แพงที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วยังต่ำกว่าราคาของ BR-V แต่ฮอนด้ากลับไม่ให้ออพชั่นดังกล่าว เบรกมือยังคงใช้ระบบกลไกตามปกติ
ทีมงานเว็บไซต์ออโตฟันในอินโดนีเซีย ไม่รู้เหตุผลของการใช้เบรคมือกลไกว่า รถคันนี้พัฒนาขึ้นเมื่อหลายปีก่อนหรืออื่นใด อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการขาดเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Hold ในรุ่นย่อยที่แพงที่สุด ทำให้รู้สึกว่าขาดความสะดวกสบายเมื่อใช้รถในสภาพการจราจรคับคั่ง ในทางกลับกัน เบรกมือแบบธรรมดานั้นถูกกว่าและบำรุงรักษาง่ายกว่า โดยเฉพาะในระยะยาว
ยังไม่มีเตือนมุมอับ
ฮอนด้าอาจจัดเต็มอุปกรณ์ความปลอดภัยเชิงรุกด้วยระบบ Honda Sensing ซึ่งแทบไม่มีคู่แข่งรายใดสามารถต่อสู้กับความสมบูรณ์ของคุณสมบัติด้านความปลอดภัยในปัจจุบันได้ แต่น่าเสียดายที่ ระบบเตือนจุดบอด มันหายไปจากกระจกมองหลังทั้งด้านซ้ายและด้านขวา โชคดีที่ยังมี LaneWatch ที่สามารถให้มุมมองภาพมุมกว้างจากกระจกมองข้างด้านซ้าย และแสดงผลบนหน้าจอกลาง อย่างไรก็ตาม เหมือนกับว่าด้านขวาไม่ได้รับการเตือนใด ๆ เลย นอกจากนี้ยังไม่มีระบบเตือนการจราจรด้านหลัง ซึ่งกำลังจะกลายเป็นระบบมาตรฐานของคู่แข่งแล้ว แต่จะไม่มีอยู่ใน BR-V ใหม่นี้
อ่านเพิ่มเติม : 2022 Honda BR-V มีอะไรต่างจากรุ่นปัจจุบันบ้าง?
ข้อดีต่อไปนี้ชดเชยได้
ข้อเสียทุกสิ่งทุกอย่างถูกทดแทนด้วยคุณภาพในการขับขี่ คุณลักษณะด้านความปลอดภัย และรูปลักษณ์ที่หรูหรา เรารู้สึกประทับใจกับการผสมผสานของเครื่องยนต์ที่ทรงพลังสุดในระดับเดียวกัน พร้อมระบบเกียร์ CVT การส่งกำลังเป็นไปอย่างราบรื่น ตอบสนองได้ดี รวมถึงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงทำได้ 17.1 กม./ล. แม้จะไม่ดีสุดแต่ก็น่าพอใจ
ช่วงล่างการทรงตัวยังให้ความเสถียร ไม่โคลงจนเกินไป (ตามขนาด SUV) และยังดูดซับแรงกระแทกได้อย่างนุ่มนวล แม้ว่าเสียงล้อบดถนนจะค่อนข้างดังชัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ซึ่งเราคิดว่ามาจากแผ่นใต้บังโคลนและพื้นรถ
อ่านเพิ่มเติม : 10 เรื่องที่เรารู้เกี่ยวกับ all-new Honda BR-V
คาดขายไทยปลายปีนี้
จุดเด่นที่สุดของ 2022 Honda BR-V นั่นคือ Honda Sensing ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหน้าที่ของมันมีความเหมาะกับสภาพการจราจรของเมืองใหญ่ ที่มีรายละเอียดค่อนข้างมากในการอ่านวัตถุอื่นที่ไม่ใช่รถยนต์ ซึ่งคาดว่าสเปคเมืองไทยจะมีสเปคเดียวกับอินโดนีเซีย และมีราคา 8 แสนกว่าบาท คงระดับราคาแพงกว่าใครในระดับเดียวกัน แต่จะจริงตามคาดหรือไม่ อดใจรอการเปิดตัวในปลายปีนี้
อ่านเพิ่มเติม : 2022 Honda BR-V จ่อเปิดตัวสิงหาคมนี้ คุ้มค่าแก่การเก็บเงินรอจองหรือเปล่า?