2023 Mitsubishi Xpander Cross (2023 มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส) เปิดตัวแล้วในไทยเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในครั้งนี้ถือเป็นการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้รถมีความทันสมัยยิ่งขึ้น
2023 Xpander Cross เปิดตัวด้วยรุ่นย่อยเดียวในราคา 946,000 บาท ซึ่งเพิ่มจากโฉมที่แล้วอยู่ 7,000 บาท สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากโฉมที่แล้วจะมีทั้งด้านรูปลักษณ์ภายนอก-ภายใน ระบบขับเคลื่อน ไปจนถึงระบบความปลอดภัย
เราจึงรวบรวม 5 สิ่งที่ 2023 Mitsubishi Xpander Cross เปลี่ยนแปลงจากรุ่นที่แล้ว มาดูกันว่าจะน่าซื้อขึ้นจากรุ่นเดิมแค่ไหน จะสู้คู่แข่งได้ไหม
1. การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกครั้งใหญ่
แม้การเปลี่ยนโฉมครั้งนี้คือไมเนอร์เชนจ์ แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเลยทีเดียว
สำหรับภายนอกของ Xpander Cross รุ่นไมเนอร์เชนจ์ยังคงใช้การออกแบบสไตล์ Dynamic Shield อันเป็นเอกลักษณ์ แต่ได้เพิ่มเติมให้ดูดุดัน ทันสมัย และหรูหรายิ่งขึ้น
สิ่งที่เพิ่มเติมมาจากรุ่นก่อน ได้แก่ ไฟเดย์ไลท์อยู่ด้านบนสุดมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์เล็กน้อย, ตรงกลางมีไฟหน้า LED แบบ T-Shape, ไฟตัดหมอกแบบ LED ที่เปลี่ยนจากทรงกลมเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
เส้นสายโดยรวมมีความเหลี่ยมสันมากขึ้น ตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว รวมถึงซุ้มล้อที่ดูเข้ากันเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมาพร้อมสีใหม่อย่าง สีเขียว Green Bronze Metallic อีกด้วย
2. การปรับปรุงภายในที่ทำให้ผู้โดยสารสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ภายในห้องโดยสารจะเน้นในด้านของความหรูหราที่เพิ่มมากขึ้นในสีแบบทูโทน ดำ-น้ำเงิน เริ่มที่การบุนุ่มบนแผงคอนโซลด้านหน้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการตกแต่งด้วยสีดำเงา พร้อมเบาะนั่งหุ้มหนังสีน้ำเงินเข้มทำให้ห้องโดยสารมีความหรูหรายิ่งขึ้น
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถ ได้แก่ จอทัชสกรีนขนาด 9 นิ้ว รองรับระบบ Bluetooth, Apple CarPlay และ Android Auto ชุดมาตรวัดดิจิทัล LCD ขนาด 8 นิ้ว, ช่อง USB ทั้ง Type A และ C ในบริเวณต่าง ๆ ของรถ
ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัลที่มาพร้อมแผ่นกรองอากาศ PM 2.5, กระจกมองหลังตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระ พร้อมแผงควบคุมและช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่ได้รับมาจากรุ่นพี่อย่าง Mitsubishi Pajero Sport ซึ่งเพิ่มความพรีเมียมให้แก่ครอสโอเวอร์รุ่นนี้
นอกจากนี้ รถคันนี้ยังมีความเอนกประสงค์ในหลายจุด เช่น จุดใส่ทิชชู่บริเวณคอนโซลกลาง การพับเบาะหลากหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยสูงสุด
3. อุปกรณ์ และระบบความปลอดภัยใหม่ที่เข้ามา
ภายในรถยังมีอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกและยังช่วยเรื่องความปลอดภัย เช่น กล้องมองหลัง ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ รวมถึงระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Brake Auto Hold (BAH)
หนึ่งในไฮไลท์ที่เข้ามาใน Xpander Cross ใหม่คือระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ที่ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนให้เข้าโค้งได้กระชับแม่นยำ ทำงานโดยควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกของล้อหน้าด้านซ้ายและด้านขวา เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งและรักษาเสถียรภาพการขับขี่บนถนนที่เปียกลื่น
ระบบความปลอดภัยอื่น ๆ ประกอบด้วย ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ (ESS) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
รวมไปถึงคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกบริเวณแผงประตูและการออกแบบตัวถังด้านหน้าช่วยลดความรุนแรงจากแรงกระแทกของรถที่เกิดขึ้นกับคนเดินถนน
4. เปลี่ยนมาใช้เกียร์ CVT
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญของการปรับโฉมครั้งนี้คือ การเปลี่ยนจากเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดมาเป็นเกียร์แบบ CVT เช่นเดียวกับ Xpander ซึ่งทางมิตซูบิชิกล่าวว่าการเปลี่ยนระบบส่งกำลังเป็น CVT จะช่วยให้รถมีอัตราเร่งที่ดีขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น แถมยังให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและลื่นไหลยิ่งขึ้น
5. สูงเท่าเดิม ช่วงล่างที่ดีขึ้น เก็บเสียงดีขึ้น
สำหรับช่วงล่างของ 2023 Xpander Cross ด้านหน้าจะเป็นแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลงและเหล็กค้ำหัวโช๊ค ด้านหลังจะเป็นทอร์ชั่นบีม เช่นเดียวกับโฉมที่แล้ว
แต่จะมีการปรับปรุงช่วงล่างให้มีความนุ่มนวล นั่งสบาย และยึดเกาะถนนมากยิ่งขึ้น ด้วยโช๊คอัพที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่ารุ่นพี่อย่าง Pajero Sport โดยยังมีระยะต่ำสุดถึงพื้นอยู่ที่ 220 มม. เท่าเดิม
นอกจากนี้ 2023 Xpander Cross ยังมาพร้อมการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารที่ดีขึ้น เนื่องจากการบุวัสดุซับเสียงเพิ่มขึ้นทั้งบริเวณใต้ฝากระโปรงหน้าและระหว่างเครื่องยนต์กับห้องโดยสาร รวมถึงแผ่นกันเสียงใต้ท้องรถอีกด้วย
สิ่งที่ 2023 Mitsubishi Xpander Cross เพิ่มขึ้นมานั้นจะช่วยให้รถคันนี้สู้กับคู่แข่งอย่าง Toyota Veloz, Honda BR-V, Suzuki XL7 ได้หรือไม่นะ
อ่านเพิ่มเติม : พาชม 2023 Mitsubishi Xpander Cross เวอร์ชั่นอินโดนีเซีย