- หน้าตาออกมาเป็นรถไฟฟ้าจริง ๆ แล้ว
- ปรับมอเตอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน
- ได้ระยะทางการวิ่งที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิม
- ออพชั่นความปลอดภัยเพิ่มให้อีก 2 ระบบ
- ราคาไปรอชมกันได้ในงานมอเตอร์โชว์
MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) ถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยการเป็นรถยนต์นำเข้าค่าตัว 1.19 ล้านบาท และเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมาหลายปี แม้ยอดขายจะไม่ได้มากมาย แต่ชื่อเสียงนั้นโดดเด่นเกินตัว
เมื่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าบูมขึ้นมา MG (เอ็มจี) ก็ประกาศว่าพวกเขาเตรียมตัวประกอบรถรุ่นนี้ในประเทศไทยในช่วงปี 2566-2567 แต่การจะรอขายรุ่นนั้นเลยก็ใช่ที่ เพราะสินค้ารุ่นใหม่ก็ออกมาให้เห็นกันแล้วทั่วโลก จึงตัดสินใจนำเข้ามาทำตลาดต่อเนื่องกันไป
และรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของเอ็มจีก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่น่าสนใจ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาเพื่อตามเทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการขยับตัวกันมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังการเปิดตัวรุ่นแรกที่ทำตลาดมา
AutoFun Thailand ได้รับเชิญไปสัมผัสกับรถคันนี้ก่อนเปิดตัว และเราพบว่าการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นมีหลายจุด ที่เอ็มจีกล้าทำแม้กระทั่งการลดสเปกบางอย่างลงเพื่อจุดประสงค์ในการใช้งานบางอย่างที่ดีกว่าเดิม ซึ่งเราสรุปการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดมาให้แล้ว
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ประกาศราคาจำหน่ายของรถรุ่นใหม่นี้ออกมาแต่อย่างใด โดยคาดว่าจะเปิดจองสิทธิ์การซื้อกันตั้งแต่บัดนี้ พร้อมทั้งมีแคมเปญมากมาย เช่น จอง 1 หมื่นบาทได้ลด 2 หมื่นบาท ฟรี ประกันภัย และอุปกรณ์อื่นอีกมากมาย ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 21 มีนาคม ก่อนการประกาศราคาในงานมอเตอร์โชว์
เอาเป็นว่าถ้าอยากได้รถไฟฟ้าที่มีประสบการณ์มากกว่า ก็ลองคบหากันดู...
หน้าตาใหม่ ออกแบบเป็นรถไฟฟ้า
การออกแบบรถรุ่นใหม่ไม่เหมือนเอารถธรรมดามาติดมอเตอร์อีกแล้ว แต่ปรับดีไซน์ใหม่ด้วยกระจังหน้าแบบปิดที่ต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียวกับกันชนหน้า ล้ออัลลอย 17 นิ้วมาพร้อมฝาครอบ ย้ายช่องชาร์จไฟจากใต้โลโก้หน้าไปอยู่เยื้อง ๆ ทางขวามือแทน โดยที่ขนาดตัวถังถือว่าไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก
มอเตอร์ใหม่แรงสะใจกว่าเดิม
เอ็มจีได้ทำการปรับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ให้แรงกว่าเดิม โดยมีกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 110 กิโลวัตต์เป็น 130 กิโลวัตต์ (177 แรงม้า) โดยเคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่้วโมงเอาไว้ที่ 8.6 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมระบบระบายความร้อนมอเตอร์และแบตเตอรี่ด้วยของเหลว
ลดแรงบิดลง เพิ่มระยะทางวิ่งไกลขึ้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ทำการลดแรงบิดสูงสุดของรถลงไปจาก 350 นิวตันเมตรในรุ่นก่อนเหลือ 280 นิวตันเมตร ที่เรียกว่าเหลือ ๆ ต่อการใช้งานจริงแน่นอน พร้อมเพิ่มแบตเตอรี่จาก 44.5 กิโลวัตต์ชั่วโมงเป็น 50.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้วิ่งได้ไกลขึ้นเป็น 403 กิโลเมตรต่อการชาร์ต 1 ครั้ง เพิ่มจาก 337 กิโลเมตรในรุ่นก่อน
ชาร์จไร้สาย จอใหม่ แอร์หลังและยูเอสบี-ซี
มีการติดตั้งอุปกรณ์ภายในเพิ่มให้กับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ 7 นิ้ว หน้าจอกลางแบบใหม่ แอร์แบบดิจิทัลพร้อมช่องแอร์ด้านหลัง และเพิ่มที่เสียบไฟแบบยูเอสบี-ซี สำหรับการชาร์จไวอีก 2 ตำแหน่ง
ระบบความปลอดภัยเพิ่มขึ้น 2 ระบบ
เอ็มจี แซดเอส อีวี เป็นรถยนต์ที่มีระบบความปลอดภัยเยอะมากอยู่แล้ว พร้อมโครงสร้างตัวถังแบบนิรภัย แต่ในรุ่นใหม่ พวกเขาเพิ่มระบบความปลอดภัยมาให้อีก 2 ระบบ ได้แก่ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ด้านหน้า และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน พร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากรถออกนอกเลน ทำให้ปลอดภัยมากขึ้น
มาพร้อมระบบจ่ายไฟออกจากตัวรถ V2L
นอกจากจะรองรับการชาร์จไฟแบบไว ที่ทำให้สามารถชาร์จรถจาก 30-80% ได้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว รถคันนี้ยังมาพร้อมระบบ V2L (Vehicle to Load) ที่สามารถนำพลังงานไฟฟ้าในรถออกมาชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ แต่ยังไม่สามารถแบ่งกระแสไฟฟ้าให้กับรถยนต์ไฟฟ้าคันอื่น ๆ ได้นะ
2 รุ่นย่อย พร้อมสีตัวถัง 5 สี ไม่น่าเบื่อแล้ว
ในรุ่นแรกนั้น เอ็มจีขายแซดเอส อีวี เพียงรุ่นย่อยเดียวและตัวถังสีฟ้าอ่อนสีเดียว แต่ในรุ่นใหม่น่า มาพร้อมออพชั่นที่แตกต่างกันใน 2 รุ่นย่อย และมีสีตัวถังให้เลือกมากถึง 5 สี ประกอบไปด้วยสีน้ำเงินที่เป็นสีโปรโมต สีเงิน สีดำ สีขาว และสีแดง ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อไม่รู้สึกว่ารถนั้นน่าเบื่อเหมือนแต่ก่อน
สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงเล็ก ๆ น้อย ๆ
เอาจริง ๆ อาจจะเป็นออพชั่นที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานให้กับเจ้าของ อย่างแรกก็คือบานประตูหลังไฟฟ้าควรจะติดตั้งมาให้ได้แล้ว รวมไปถึงการพับเบาะที่ควรเรียบเป็นพื้นเดียวกับห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง เพื่อให้สามารถขนสัมภาระได้อย่างสะดวกสบายขึ้นกว่าเดิม
คาดรุ่นล่างสวมราคาตัวเก่า รุ่นท็อปบวกอีกนิด
เอ็มจีจะไม่ประกาศราคาจำหน่ายของ MG ZS EV รุ่นใหม่ไปจนถึงงานมอเตอร์โชว์ แต่เราคาดว่าพวกเขาจะรักษาระดับราคาจำหน่ายเอาไว้ไม่แตกต่างจากรุ่นเดิมมาก โดยในรุ่นเริ่มต้นอาจจะใช่ราคาเก่าที่ 1.19 ล้านบาท และรุ่นท็อปอาจจะบวกเพิ่มเป็น 1.2x ล้านบาทได้ แต่ก็ไม่น่าจะแพงไปได้มากกว่านั้น
ลูกค้าที่อาจจะกังวลใจว่าจะต้องรอโครงการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลหรือไม่ ขอบอกว่ารถยนต์คันนี้นำเข้าจากประเทศจีน ทำให้เสียภาษี 0% อยู่แล้ว ก็อาจจะได้ในส่วนของการลดภาษีสรรพสามิตกับเงินอุดหนุนจากทางภาครัฐที่จะได้เพิ่มขึ้นมา ก็ต้องรอความชัดเจนเรื่องนี้กันอีกครั้ง
รอไปรอมา อาจจะได้ซื้อเวอร์ชั่นผลิตไทยอีก 2 ปีข้างหน้าพอดี...