จากแผนการที่ Kia (เกีย) จะมีฐานการผลิตที่มาเลเซีย ความหวังที่จะให้ค่ายรถจากแดนกิมจิทำตลาดรถรุ่นอื่นนอกจาก Kia Carnival ก็เพิ่มขึ้นมาบ้าง และถ้า Carnival ผลิตที่มาเลเซีย ราคาจำหน่ายที่ไทยก็คงจับต้องได้มากขึ้นเพราะไม่ต้องนำเข้าจากเกาหลีทั้งคัน
ในคราวแรก เราคาดว่าประเทศไทยอาจได้นำเข้า Kia Seltos จากมาเลเซียเข้ามา แต่ยังไม่มีวี่แวว จนเมื่อข่าวที่ Seltos ได้ยุติการทำตลาดในในมาเลเซีย อ้างอิงจากหน้าเว็บของเกียมาเลเซียที่ไม่มีรถรุ่นดังกล่าว
ดังนั้น ความหวังจึงตกไปที่ Kia Niro ที่กำลังจะเข้ามาเลเซีย โดย Niro มีมิติตัวถังใกล้เคียงกับ Seltos โดยนอกจากรูปร่างหน้าตาที่ต่างกันแล้ว Niro จะถูกสร้างบนแพลทฟอร์มใหม่
ทำให้มีขุมพลัง 3 ทางเลือก ได้แก่ ขุมพลังไฮบริด (HEV) ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และ รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV) และจะเปิดตัวในมาเลเซียปี 2023
Kia Niro (เกีย นีโร) ถูกสร้างมาเพื่อเป็นครอสโอเวอร์ไฮบริดที่มีอัตราการปล่อยมลพิษต่ำ ในเจเนอเรชั่นแรก Niro เปิดตัวด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด ต่อมาจึงมีเครื่องยนต์ PHEV และเครื่องยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ตามมา
การสร้าง Niro ขึ้นมาถือเป็นการประกาศตัวของแบรนด์ต่อการก้าวเข้าสู่อนาคต โดยการสร้างรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อนที่จะมี Kia EV6 ขึ้นมาเสียอีก
มิติตัวถังของ Kia Niro มีความยาวที่ 4,355 มม. ความกว้าง 1,805 มม. ความสูง 1,545 มม. และมีระยะฐานล้อที่ 2,700 มม. จากขนาดตัวถังตัวรถอยู่ในเซกเมนต์ B-SUV เมื่อเทียบกับ Honda HR-V นั้น Niro จะสั้นกว่า เตี้ยกว่า แต่กว้างกว่าและมีฐานล้อที่ยาวกว่า
Kia Niro | Honda HR-V | |
ความยาว (มม.) | 4,355 | 4,385 |
ความกว้าง (มม.) | 1,805 | 1,790 |
ความสูง (มม.) | 1,545 | 1,590 |
ระยะฐานล้อ (มม.) | 2,700 | 2,610 |
ในช่วงเปิดตัวของ 2023 Niro จะมาด้วยขุมพลัง GDI เบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร พ่วงด้วยระบบไฮบริด พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 1.56 kWh ทำกำลังได้สูงสุด 141 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 264 นิวตันเมตร
ในเวอร์ชั่น EV จะมาในชื่อ e-Niro จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 รูปแบบ ได้แก่ ขนาด 130 แรงม้า แรงบิด 395 นิวตันเมตร และ 201 แรงม้า แรงบิด 395 นิวตันเมตร และมีแบตเตอรี่ 2 ความจุให้เลือก ได้แก่ 39.2 kWh สามารถขับได้ระยะทาง 288 กม. และ ขนาด 64 kWh ที่สามารถขับไกลสุด 455 กม.
เกียได้เปิดตัว Niro เจเนอเรชั่นที่สองไปแล้วในงาน 2021 Seoul Mobility Show ที่ผ่านมา โดยออกแบบตามหลักปรัชญาของบริษัท Opposites United ในแนวคิด ‘Joy for Reason’
การออกแบบด้านหน้ายังคงเป็น ‘tiger face’ ตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งถูกออกแบบต่อยอดออกมาจากรุ่นเดิม
ไฟเดย์ไลท์ LED ด้านหน้าที่โดดเด่น ไปจนถึงไฟท้ายแบบบูมเมอแรงเป็นสิ่งที่เกียเคลมว่าจะเป็นการเพิ่มแอโรไดนามิกส์ให้แก่เอสยูวีของค่าย
ส่วนในด้านระบบส่งกำลัง ทางผู้ผลิตจากแดนกิมจิยังไม่มีการเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด
มาเลมาแน่ แต่ไทยต้องรอลุ้น
ตัวแทนจำหน่ายใหม่ของเกียในประเทศมาเลเซียค่อนข้างยืนยันแล้วว่า Kia Niro จะเข้ามาทำตลาดในมาเลเซีย และอาจพิจารณาผลิตในมาเลเซีย ซึ่งเป็นผลดีต่อคนไทยทั้งในด้านตัวเลือกของรถ B-SUV ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้
และราคาของ Kia Carnival ที่จะจับต้องได้มากขึ้น เพราะไม่ต้องนำเข้ามาจากเกาหลี เนื่องจากการนำเข้ารถยนต์จากมาเลเซียจะไม่เสียภาษีนำเข้าจากเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA)
แต่อย่างไรก็ตามทางเว็บไซต์เพื่อนบ้านของเราคาดว่า Kia Niro เจเนอเรชั่นที่ 2 จะเปิดตัวในมาเลเซียอย่างน้อยในปี 2023 โดยจะใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อเตรียมรถหลังการเปิดตัวที่ตลาดโลกอย่างเป็นทางการ
ส่วนในไทยจะได้ Kia Niro มาทำตลาดไหม เราก็ต้องมาคอยลุ้นกัน
อ่านเพิ่มเติม : Kia Seltos อาจบุกไทยสู้ศึก Toyota Corolla Cross - Honda HR-V
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}