เปิดตัว 2022 Ford Everest กว้างขวางขึ้น ลุยดีกว่าเดิม เพิ่มเครื่อง V6 บวกระบบความปลอดภัย

2022 Ford Everest เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการพร้อมรูปโฉมที่ดูบึกบึนกว่าเดิม ซึ่งมาในแนวคิดที่คล้ายกับ 2022 Ford Ranger คือ “เสียงของลูกค้าสู่การออกแบบ” โดยรวบรวมเสียงจากความต้องการของลูกค้าทั่วโลกเพื่อออกมาเป็น Ford Everest เจเนอเรชั่นใหม่นี้

แนวคิดของการออกแบบ คือต้องการให้ตัวรถสะท้อนถึงสมรรถนะ มีความแข็งแกร่ง พร้อมลุยไปในทุกที่ และมีภายในที่ดูปราณีตขึ้น พร้อมมีเทคโนโลยีและความปลอดภัยที่ครบครัน

  • หน้าตาที่ดุดันมากขึ้น
  • ภายในเต็มไปด้วยความเอนกประสงค์
  • เทคโนโลยีมีมาให้ครบครัน
  • เครื่องยนต์เหมือนเดิม เพิ่มเติม 3.0 V6 และ 2.3 Ecoboost
  • ลุยออฟโรดได้ง่ายขึ้น
  • เพิ่มระบบ Active Safety 
  • หน้าตาที่ดุดันมากขึ้น

นอกจากแนวคิดของการออกแบบ การเพิ่มระยะฐานล้อที่กว้างและระยะระหว่างล้อหน้าและหลังที่เพิ่มขึ้นทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูล้ำสมัยและบึกบึนมากขึ้น 

ไฟหน้าใหม่รูปตัว C แบบใหม่และลายเส้นบนกระจังหน้า ส่วนหน้าของรถมีการผสมผสานขององค์ประกอบทั้งแนวตั้งและแนวนอน สื่อถึงเสถียรภาพในการขับขี่   

เส้นด้านข้างทำให้ตัวถังดูสะดุดตา ฐานล้อที่กว้างทำให้ซุ้มล้อใหญ่โดดเด่นขึ้น เพิ่มความแข็งแกร่งและทันสมัยให้กับรถ 

ด้านหลังที่ปรับปรุงใหม่ให้ดูดีมากขึ้น ด้วยกระจกหลังแบบใหม่ที่เพิ่มมุมและแสงอาทิตย์ รวมถึงไฟท้ายแบบ LED ที่มีเส้นเชื่อมฝั่งซ้าย-ขวาตามสมัยนิยม

ในส่วนของหลังคาที่รองรับทุกกิจกรรมผจญภัย โดยในตอนที่รถหยุดนิ่งสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 350 กก. เหมาะกับการตั้งแคมป์ และรองรับได้กว่า 100 กก. ขณะรถเคลื่อนที่ พร้อมจุดยึดที่รองรับการใช้งานหลากหลายเหมาะสำหรับการติดตั้งหรือใช้อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ

ภายในเต็มไปด้วยความเอนกประสงค์

ภายในที่ลูกค้าต้องการนั้นต่างจากภายนอกที่แข็งแกร่งโดยสิ้นเชิง เพราะภายในจะมีความสะดวกสบาย หรูหรา และปราณีตมากขึ้น ทั้งจากวัสดุตกแต่งและไฟที่สร้างบรรยากาศในทุกส่วน

การออกแบบภายในทำให้พื้นที่กว้างขึ้นในขณะที่มิติตัวรถยังใกล้เคียงเดิม มีการเพิ่มพื้นที่เก็บของ พื้นที่วางแก้ว การรองรับที่ชาร์จไร้สาย เบรคมือไฟฟ้า เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง และเบาะข้างคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง 

เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับอุณหภูมิได้และพับแบบ 60:40 การเข้า-ออกเบาะแถว 3 ทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงการแถวสามที่สบายขึ้นจากกระจกด้านหลังที่ทำให้โปร่ง และที่เก็บของที่มีมากขึ้น เบาะแถวที่ 2 และ 3 ยังพับได้แบนราบเพื่อการบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ได้ นอกจากนี้ ยังมีที่ชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพียงพอกับทั้ง 7 ที่นั่ง 3 แถวอีกด้วย

ทีมออกแบบคิดค้นวิธีการป้องกันไม่ให้ของตกเมื่อเปิดประตูท้ายรถ โดยสร้างขอบเล็กๆ ที่เรียกว่า “จุดดักแอปเปิ้ล” (Apple catcher) บริเวณด้านหลังของที่เก็บสัมภาระ และยังมีที่เก็บของใต้พื้นรถเพื่อความเป็นระเบียบของห้องโดยสาร 

จุดดักแอปเปิ้ล

เทคโนโลยีมีมาให้ครบครัน

เทคโนโลยีภายในห้องโดยสารของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ มาด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 8 หรือ 12.4 นิ้วขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย และยังมีหน้าจอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 10.1 หรือ 12 นิ้ว อีกด้วย 

หน้าจอดังกล่าวมาพร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC® 4A พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยเสียง ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง และเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงการติดตั้งการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส (FordPass™) เพื่อสามารถควบคุมการสตาร์ทรถจากระยะไกล รวมถึงตรวจเช็คสถานะต่างๆ ของรถ และการล็อค-ปลดล็อคผ่านโทรศัพท์มือถือ 

หน้าจอทัชสกรีนแนวตั้งตรงกลางยังเชื่อมต่อกับกล้อง 360 องศา เพื่อให้จอดรถได้สะดวกยิ่งขึ้นในพื้นที่แคบ หรือช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการเดินทางบนสภาพเส้นทางออฟโรด 

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร V6

เครื่องยนต์เหมือนเดิม เพิ่มเติม V6 และ Ecoboost

ในเอเวอร์เรสท์เจเนอเรชั่นนี้ไฮไลต์คือเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร V6 สาเหตุที่นำมาใช้กับเอเวอร์เรสต์เพราะเป็นเสียงจากลูกค้า ส่วนตลาดเมืองไทยจะได้เครื่องยนต์นี้หรือไม่ต้องคอยติดตาม

ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวและเทอร์โบคู่ขนาด 2.0 ลิตรก็ยังเป็นตัวเลือกอยู่เช่นเดิม แต่ได้มีการปรับปรุงการทำงานเครื่องยนต์ให้ดีขึ้น

และในปี 2566 จะมีเครื่องยนต์ Ecoboost ขนาด 2.3 ลิตรเพิ่มเข้ามา ซึ่งจะแตกต่างกับ 2.3 ของ Mustang ตรงที่จะเหมาะกับการขับขี่แบบออฟโรดมากกว่า และยังต้องติดตามกันว่าเครื่องยนต์ตัวนี้จะเข้าไทยด้วยไหม

ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดแบบซีเล็กทีฟที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในด้านอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทีมวิศวกรตอบว่าใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ที่มีอยู่ในตลาดแน่นอน 

ลุยออฟโรดได้ง่ายขึ้น

ด้วยฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร ทำให้การควบคุมบนถนนดีขึ้น ในขณะที่การปรับแต่งโช้คอัพใหม่ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่และช่วยให้การควบคุมรถง่ายขึ้น ไม่ว่าจะในเมืองและนอกเมือง

เอเวอร์เรสต์ใหม่ มีตัวเลือกระบบการขับขี่ 4 ล้อ 2 รูปแบบ วัสดุป้องกันช่วงล่าง โหมดการขับขี่ออฟโรดที่หลากหลาย เฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential ตะขอคู่หน้า และช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch 

ระบบการขับขี่ 4 ล้อทั้ง 2 รูปแบบ ประกอบด้วย เกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ พร้อมการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ขณะรถเคลื่อนที่ด้วยระบบไฟฟ้า (Electronic Shift-On-The-Fly) หรือเรียกว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ 

กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงแบบฟูลไทม์ ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case - EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้งานให้เหมาะกับสภาพถนนได้ 

และในบางประเทศ เอเวอเรสต์ ยังมาพร้อมตัวเลือกระบบการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อด้วย 

หน้าจอแสดงผลสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดในเอเวอร์เรสต์ แสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถและสภาพเส้นทางด้านหน้าจากกล้องหน้าพร้อมกับแนวเส้นกะระยะ เพียงกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ผู้ขับขี่สามารถเลือกดูข้อมูลได้ครบครัน 

เอเวอร์เรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ยังสามารถลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร และมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม (พร้อมเบรก) ขณะที่ห้องเครื่องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับแบตเตอรี่สำรองอีกลูก เพื่อส่งมอบพลังให้กับอุปกรณ์เสริม

เพิ่มระบบ Active Safety 

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีช่วยการขับขี่และอุปกรณ์ปกป้องความปลอดภัยที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น เพื่อมอบความสบายใจและช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิมากขึ้น  

เริ่มต้นจากถุงลมนิรภัยใหม่ติดตั้งระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า เพิ่มการป้องกันในกรณีที่มีการชนจากด้านข้าง ทำให้เอเวอเรสต์มาพร้อมถุงลมนิรภัยสูงสุดถึง 9 ตำแหน่ง และครอบคลุมถึงที่นั่ง 3 แถว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรุ่นและประเทศที่จำหน่าย 

ตำแหน่งของถุงลมนิรภัย

ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 ช่วยให้ผู้ขับขี่จอดรถในพื้นที่แคบได้อย่างปลอดภัย ระบบจะช่วยบังคับพวงมาลัย ปรับเกียร์ เร่งความเร็วและเบรกในการจอดรถแบบขนานหรือเข้าช่องจอดได้อย่างง่ายดาย และระบบจะนำรถออกจากที่จอดรถแบบขนานเมื่อได้รับคำสั่ง

ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี ที่มีในบางรุ่นและบางประเทศ มอบทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้นด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ได้แก่ ระบบปรับระดับแสงไฟตามความเร็วอัตโนมัติที่ปรับความสว่างของแสงไฟด้านหน้าตามระดับความเร็วของรถ 

นอกจากนี้ ไฟหน้ายังมาพร้อมความสามารถในการปรับแสงตามการเลี้ยวทั้งขณะจอดนิ่งและเคลื่อนที่ ไปจนถึงไฟสูงแบบป้องกันแสงสะท้อน เพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่และไม่รบกวนผู้ใช้ถนนคนอื่น

  • ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติใหม่ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีทั้งหมด  3 แบบ ขึ้นอยู่กับรุ่นและประเทศที่วางจำหน่าย ประกอบด้วย 
  • ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (Adaptive cruise control with stop and go)
  • ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go และควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทาง (Adaptive cruise control with stop and go and lane centering) 
  • ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัจฉริยะ (Intelligent adaptive cruise control) อ่านป้ายจราจรและปรับความเร็วอัตโนมัติตามที่กำหนดได้ 

ระบบตรวจจับรถในจุดบอดครอบคลุมส่วนต่อพ่วง

นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ประกอบด้วย 

  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางผสานระบบตรวจจับขอบถนน (Lane-keeping system with road-edge detection) 
  • ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive steer assist) ออกแบบให้ทำงานขณะขับขี่ในเมืองหรือบนทางด่วน โดยใช้เรดาร์และกล้องตรวจจับรถที่ขับด้วยความเร็วต่ำหรือหยุดนิ่งด้านหน้า และส่งแรงช่วยผู้ขับขี่บังคับพวงมาลัยหลบเพื่อลดความเสี่ยงจากการชน 
  • ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Reverse brake assist) ช่วยให้ถอยหลังเพื่อเข้าซองจอดหรือจอดในพื้นที่แคบๆ ด้วยการเตือนด้วยเสียงและภาพ 
  • ระบบตรวจจับรถในจุดบอดครอบคลุมส่วนต่อพ่วง (Blind spot information system with trailer coverage) 
  • ระบบป้องกันการชนเพื่อป้องกันการชนบริเวณทางแยก (Pre-collision assist with intersection functionality) 

อ่านเพิ่มเติม : 2023 Ford Ranger Raptor เปิดตัวเบนซิน V6 3.0 ลิตรเกือบ 400 แรงม้า กับออพชั่นที่ไม่เคยมีมาก่อน

    Channel:
ติดตามพวกเราได้ที่:

ขายรถคันเดิมเพื่อซื้อรถมือสองคุณภาพดีได้ง่ายและสะดวก

ผู้ใช้ แลกรถในฝันแล้ว
เพิ่มรถของคุณ

แลก

Ford Everest

ขายรถมือสอง

ตรวจสภาพรถ 175 จุด

รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

การรับประกัน 1 ปี

ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

ดูเพิ่มเติม

วีดีโอสั้นที่เกี่ยวข้อง

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

ไปลอง Next Gen Ford หลากหลายรุ่น บนออฟโรดเต็มพิกัดที่ซาปา ลุยครบ สนุกทุกแทร็ค ดุดันเต็มที่ | AutoFun

พรีวิว 3 รุ่นใหม่จาก Ford เน้นแต่งดุขึ้น เพิ่มออพชั่น เอาใจลูกค้าหลากหลาย ราคาเจอกันในงาน | AutoFun

รีวิว 2022 Ford Everest 1.854 ล้านบาท ตัวจบรถครอบครัว ถนนก็ดี ออฟโรดก็ไหว ใช้ง่ายสุดในคลาส | AutoFun

พรีวิว Ford Ranger Everest และ Raptor เปิดตัวพร้อมเผยราคาในมอเตอร์โชว์ เจอตัวเป็น ๆ กันได้ | AutoFun

ข่าวล่าสุด

เปิดเบื้องหลังการซ่อมตัวถังรถหรูในไทย วิธีพ่นและอบสีร้อน ไม่กระทบแบต Hybrid เหมือนใหม่จากโรงงาน

เปิดดูเบื้องหลังศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังของ Mercedes-Benz ในประเทศไทย ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยอบสีรถ ไม่กระทบกับระบบไฮบริดและแบตเตอรี่ใหม่ ศูนย์บริการของ Mercedes-Benz ที่รับซ่อมตัวถังได้ด้วย มีไม่กี่แห่งในไทย หนึ่งในนั้นอยู่ที่ชลบุรี เป็นสาขาใหม่ของ เบนซ์ไพรม์มัส ที่อำนวยความสะดวกคนอยู่ต่างจังหวัด และอยากซ่อมตัวถังกับศูนย์ที่ได้มาตรฐานแบบโรงงานผู้ผลิต เรามาดูกันว่าเบื้องหลังการซ่อมนี้ จะใกล้เคียงของเดิมจากโรงงานแค่ไหน ศูนย์บริการเบนซ์ไพรม์มัสสาขาใหม่ที่ชลบุรีนี้ รองรับงานซ่อมสี และตัวถัง เดือนละ 1

Mitsubishi ลงทุนผลิตเครื่อง 4N16 Hyper Power ใหม่ ให้ใช้งานได้เกิน 400,000 กม.ขึ้นไป

การผลิตเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ รุ่นใหม่ ถึงขั้นต้องปรับปรุงโรงงานขนานใหญ่ ให้เป็นไปตามมาตรฐานญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้การประกอบเครื่องยนต์มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด พร้อมเผยเคล็ดลับความทนทานของเครื่อง 4n16 ใหม่ในรถ 2023 Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมล่าสุด เปลี่ยนสายพานการผลิตเครื่องยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตให้ all-new Triton ต้อนรับการมาของรถรุ่นใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการ

Mercedes-Benz เตรียมใช้แบตเตอรี่ Blade ของ BYD ในรถอีวี

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตกเป็นข่าวว่าเตรียมหยิบยืมเทคโนโลยี Blade Battery ของ BYD มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง สำนักข่าว CBEA ของจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า รถยนต์รุ่นแรกของ Mercedes-Benz ที่จะใช้แบตเตอรี่ของ BYD คือ All-New CLA รุ่นใหม่ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม 800V MMA แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในจีนเท่านั้นหรือในต่างประเทศด้วย ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CBEA รายงานด้วยว่าค่ายรถยักษ์เยอรมันจะเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ใ

ส่อง MG ZS 7 คัน มือสองดาวน์น้อย ผ่อนสบาย จากทาง CARSOME

วันนี้ เราเอาใจคนรักครอบครัวที่กำลังหาซื้อรถมือสอง ด้วย MG ZS มือสอง คุณภาพเยี่ยมถึง 7 คันพร้อมโปรโมชันสุดปังอย่าง CARSOME Easy Sale ดาวน์น้อย ผ่อนง่าย จ่ายไหว ที่ให้ทุกคนผ่อนรถมือสองได้ง่ายๆ เริ่มต้นเพียง 4,xxx บาทต่อเดือน แถมยังมียอดดาวน์น้อย จ่ายได้สบายกระเป๋า แถมมีสิทธิ์เป็นผู้โชคดี ได้เงินคืนรวม 5 แสนบาท*** พร้อมความคุ้มค่าแบบจุกๆ อีกเพียบ ที่สำคัญ ยังมั่นใจได้ว่า รถมือสองทุกคันจาก แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง CARSOME ยัง ผ่านการตรวจเช็กอย่

Honda ยืนยันร่วมใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla

Honda (ฮอนด้า) เป็นบริษัทรถยนต์รายล่าสุดต่อจาก Ford และ General Motors ที่จะใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla สำนักข่าว Asahi ของประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า Honda ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะใช้พอร์ทชาร์จไฟเร็วของ Tesla ในรถยนต์ไฟฟ้าที่จะออกจำหน่ายในภูมิภาคอเมริกาเหนือตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ Ford และ General Motors ประกาศนโยบายคล้ายคลึงกันหลังบรรลุข้อตกลงกับ Tesla ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ Rivian อีกหนึ่งบริษัทรถยนต์สัญชาติอเมริกันก็จะเดินตามรอยด้วยเช่นกัน นักวิเคราะห์เ

รถแนะนำสำหรับคุณ

ยอดนิยมล่าสุดอัพเดท
ฮิต
MG

MG ZS

THB 689,000 - 799,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG Maxus 9

THB 2,499,000 - 2,699,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG ES

THB 959,000

ชมรุ่นรถ
Honda

Honda WR-V

THB 799,000 - 869,000

ชมรุ่นรถ
รุ่นใหม่
BMW

BMW X7

THB 5,999,000 - 8,959,000

ชมรุ่นรถ
BMW

BMW XM

THB 14,899,000

ชมรุ่นรถ
GAC

GAC Aion Y Plus

THB 1,069,900 - 1,299,900

ชมรุ่นรถ
Toyota

Toyota Vellfire

THB 4,129,000

ชมรุ่นรถ
Subaru

Subaru Levorg

THB 1,890,000

ชมรุ่นรถ
Mercedes-Benz

Mercedes-Benz Sprinter

THB 3,790,000

ชมรุ่นรถ

เปรียบเทียบรถที่เกี่ยวข้อง

Ford Everest
เช็คทันที