ค่ายรถยนต์ต่างได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ากันเข้ามาอย่างเนืองแน่น ค่ายเจ้าตลาดอย่าง Toyota (โตโยต้า) ได้เปิดตัว bZ4X ส่วนค่ายรถจากแดนกิมจิอย่าง Kia (เกีย) และ Hyundai (ฮุนได) ก็ได้เปิดตัว EV6 และ Ioniq 5 เข้ามา ซึ่งล้วนแต่อยู่ในตัวถังแบบ SUV ทั้งสิ้น แต่ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้ถึงต้องเป็นรถยกสูงอย่างเอสยูวีหรือครอสโอเวอร์กันล่ะ?
ปัจจุบัน เทรนด์ของโลกต้องการลดการปล่อยคาร์บอนตาม อุตสาหกรรมยานยนต์จึงต้องเปลี่ยนจากรถที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล มาเป็นรถที่ไม่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์
รถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ในปัจจุบันมีทางเลือกมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า เช่น รถยนต์จากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน แต่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ในตอนนี้ดูเหมือนว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะตอบโจทย์มากที่สุด
ค่ายรถจากยุโรป เช่น Mercedes-Benz และ Volvo ต่างตั้งเป้าหมายในการจำหน่ายรถทุกคันเป็นไฟฟ้าภายใน 2030 ค่ายรถญี่ปุ่นก็เช่นกัน Toyota เผยกลยุทธ์รถยนต์ไฟฟ้าเมื่อปลายปีที่แล้วและยังเผยไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกับ Lexus แบรนด์หรูของค่ายอีกด้วย
เราอาจสังเกตได้ว่าในระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านไปยังรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว เราจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวส่วนใหญ่นั้นเป็นตัวถัง SUV
บทความของ kuruma-news.jp ให้เหตุผลว่าตัวถังเอสยูวีและคาวมเป็นรถยนต์ไฟฟ้านั้นเข้ากันได้ดี เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าต้องการแบตเตอรี่ที่ใหญ่และมีน้ำหนักมาก และตัวถังแบบเอสยูวีไม่ได้มีปัญหาในการรองรับน้ำหนักของแบตเตอรี่เท่ากับรถรูปแบบอื่น ๆ
ตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่มักจะถูกติดตั้งไว้ที่พื้นของตัวรถ ซึ่งสำหรับเอสยูวีแล้วถือเป็นข้อได้เปรียบเพราะทำให้จุด CG ของรถต่ำลง
ที่จริงแล้ว สำหรับตัวถังที่ไม่ได้ยกสูงอย่างซีดานและแฮทช์แบ็คก็ทำให้จุด CG ของรถต่ำลงด้วยเช่นกัน แต่ด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างมากอาจทำให้มีข้อเสียมากกว่าข้อดี
สำหรับรถแบบมินิแวนหรือ MPV การเป็นไฟฟ้าก็มีประโยชน์ด้วยเช่นกันในเรื่องที่จุด CG ของรถต่ำลง แต่รถเอ็มพีวีควรมีจุดเด่นในด้านความสะดวกสบายและความเอนกประสงค์เป็นหลัก ด้วยเทคโนโลยีในตอนนี้ ความต้องการพื้นที่เก็บแบตเตอรี่อาจทำให้ความเอนกประสงค์ลดลง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ในตอนนี้ตัวถังแบบ SUV จะเหมาะกับการทำเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่มากกว่าแบตเตอรี่ โดยอาจพูดได้ว่ากำลังและลักษณะแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้านั้นดูเหมาะกับ SUV
เครื่องยนต์สันดาปจะให้กำลังสูงสุดและแรงบิดสูงสุดได้ในรอบที่กำหนดเท่านั้น แต่ในทางกลับกัน มอเตอร์ไฟฟ้าจะสามารถให้แรงบิดและกำลังสูงสุดได้ตั้งแต่เราเหยียบคันเร่งเข้าไป แต่ก็สามารถปรับตามแรงเหยียบคันเร่งได้
สิ่งนี้จะสะดวกมากขึ้นเมื่ออยู่ใน SUV ที่เรามักจะใช้ในทางขรุขระ เราอาจต้องการแรงบิดในทันทีที่เราเหยียบคันเร่งเข้าไปเพื่อผ่านอุปสรรคต่าง ๆ การเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจะทำให้เราสามารถควบคุมแรงบิดได้ง่ายกว่าเครื่องยนต์สันดาปที่แรงบิดจะมาในรอบที่กำหนดเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม : เผยโฉม 2023 Lexus RZ 450e อีวีคันแรกของเล็กซัส ดีกว่า Toyota bZ4X ตรงไหนบ้าง?
นอกจากนี้หากต้องการระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ส่วนใหญ่จะมีเอสยูวีก็ทำได้ง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมาก เพราะรถยนต์ไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องมีเพลาขับตรงกลางเพื่อส่งการขับเคลื่อนไปยังล้อหลัง เพราะการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อคู่หน้าและหลังก็เพียงพอแล้ว อีกทั้งการไม่มีเพลาขับตรงกลางยังเพิ่มพื้นที่ให้กับผู้โดยสารด้านหลังอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มีการวิจัยและพัฒนาเพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ โดยให้มีขนาดเล็กและเบาลง ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่ในอนาคตมีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น
หากเทคโนโลยีของแบตเตอรี่ได้พัฒนาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว เราอาจจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้ามาในตัวถังรูปแบบอื่น ๆ มากขึ้นก็เป็นได้
อ่านเพิ่มเติม : Nissan คิดค้นสุดยอดแบตเตอรี่ ชาร์จเร็วขึ้น น้ำหนักเบากว่าเดิม พลิกโฉมทุกวงการ!
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}