Ford (ฟอร์ด) กำลังเร่งพัฒนากลยุทธ์ของรถยนต์ไฟฟ้าด้วยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่มากกว่าที่มีในตอนนี้อย่าง Mustang Mach-E และ F-150 Lightning โดยการพัฒนารถให้เป็นไฟฟ้าเป็นการท้าทายที่สำคัญสำหรับผู้ผลิตรถเพราะทุกรายมีเป้าหมายเดียวกัน
Jim Farley ซีอีโอของฟอร์ดคาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นจากเป้าหมายร่วมกันเหล่านี้ บางรายอาจมองถึงผลกำไร ขณะที่รายอื่น ๆ อาจหมายถึงการหยุดทำไปเลย
การประชุมการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ประจำปีครั้งที่ 38 ของ Bernstein เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซีอีโอของฟอร์ดเผยถึงการคาดการณ์ของเขาสำหรับอุตสาหกรรมนี้ในขณะที่กำลังผ่านการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
Farley กล่าวว่า “ผู้ผลิตรถดั้งเดิมจะมีการรวมเข้าด้วยกันแน่นอน” โดยอาจะอ้างอิงมาจากสถานการณ์ของแบรนด์ Lincoln และ Buick ในสหรัฐฯ และยังกล่าวเสริมว่า
“จะมีผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ บางคน (จะชอบ) การเปลี่ยนแปลงนั้น บางคนไม่ชอบ ผู้เล่นรายเล็กจะไม่สามารถไปยังการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ เพราะหลายรายไม่ได้ลงทุนในซอฟต์แวร์ต่าง ๆ และสถาปัตยกรรมของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่มีเพียงมอเตอร์และชุดเกียร์เท่านั้น แต่ยังมีส่วนของโมดูลเกทเวย์และซอฟท์แวร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมรถอีกด้วย”
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเหล่านี้แล้ว จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่าง Ford ถึงสามารถมีเงินในการลงทุนกับโมดูลและซอฟท์แวร์ รวมถึงสร้างรายได้ด้วยการให้ผู้ผลิตรถรายที่เล็กกว่ายืมใช้เทคโนโลยีดังกล่าวได้อีกด้วย
Farley ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมที่ยอมรับการใช้พลังงานไฟฟ้าช้านั้นจะสูญสิ้นไปเช่นเดียวกัน
อ่านเพิ่มเติม : Ford พัฒนาระบบจำกัดความเร็วอัตโนมัติ หมดห่วงใบสั่ง-ค่าปรับ
นอกจากนี้ บริษัทขนาดใหญ่เหล่านี้ยังสามารถหาโอกาสในการคว้าแนวคิดที่เป็นนวัตกรรมจากผู้ผลิตรถยนต์ที่กำลังประสบปัญหา เช่น หากค่ายสตาร์ทอัพกระบะไฟฟ้าอย่าง Rivian มีราคาหุ้นที่ร่วงลงจนถึงจุดที่จำเป็นต้องมีคนมาช่วย Ford ก็สามารถซื้อผู้ผลิตรถยนต์เหล่านั้นได้ทันที และยังสามารถเอาไอเดียต่าง ๆ มาใช้กับรถฟอร์ดรุ่นใหม่ ๆ ได้อีกด้วย
สิ่งที่ Farley พูดถึงอาจจะเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตรถรายเล็กไม่อยากให้พูดถึงเท่าไหร่นัก
อ่านเพิ่มเติม : ระบบจ่ายไฟจากรถสู่บ้านของ Ford F-150 Lightning ต้องเตรียมเงินเท่าไร?
แต่ยังมีอีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจว่า เนื่องจากทุกคนจะต้องทำงานให้บรรลุในเป้าหมายเดียวกัน แบรนด์ใหญ่จึงสามารถทำงานร่วมกับแบรนด์ใหญ่อีกแบรนด์ได้
อย่างที่เราเห็นว่าตอนนี้ Ford และ Volkswagen กำลังทำงานร่วมกัน, การที่ทำให้ F-150 Lightning สามารถชาร์จรถเทสล่าได้ รวมถึงที่ฟอร์ดได้แชร์ซัพพลายเออร์กับ BMW ซึ่งทำให้อนาคตในราวอีก 10 ปีข้างหน้าจะต้องมีอะไรที่น่าสนใจอย่างแน่นอน
อ่านเพิ่มเติม : ซีอีโอ Ford บอกว่ารถไฟฟ้าควรทำราคาเดียวและขายแต่ออนไลน์ไปเลย
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}