2020 Mitsubishi Pajero Sport เปิดรุ่นย่อยที่ 6 GT-Plus เคาะค่าตัว 1.349 ล้านบาท

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เตรียมเปิดตัวรุ่นย่อยที่ 6 ของพีพีวีที่ถือเป็นรถที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดรุ่นหนึ่งของค่าย Mitsubishi Pajero Sport GT-Plus (มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต จีที-พลัส) พร้อมค่าตัว 1.349 ล้านบาท เข้ามาเป็นรุ่นกลางของโมเดลขับเคลื่อน 2 ล้อ โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน BIG Motor Sale ในสัปดาห์นี้

การเปิดตัวรถรุ่นใหม่นี้ มีการติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ ๆ เข้าไปเพิ่มเติมมากมาย โดยเน้นไปที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และแน่นอนว่าทำให้รุ่นย่อยใหม่มีความคุ้มค่าคุมราคาเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นล่างสุด ก็จะพบว่าลูกค้านั้นจ่ายเพิ่มอีก 5 หมื่นบาทก็จะได้รถที่มีอุปกรณ์ครบครัน

โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รถรุ่นนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถอเนกประสงค์ที่เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกได้ง่ายขึ้น โดยรุ่นย่อยใหม่นี้ มีความครบครันและคุ้มค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับรถในเซกเมนต์เดียวกันและในด้านราคาจำหน่าย

จ่ายเพิ่ม 5 หมื่นบาทแล้วได้อะไรเพิ่มบ้าง

เมื่อเทียบกับรุ่นเริ่มต้นอย่าง GT ที่มีราคาจำหน่าย 1.299 ล้านบาท ลูกค้าจะต้องควักกระเป๋าอีก 5 หมื่นบาทเพื่อแลกกับอุปกรณ์ที่เพิ่มอีก 5-6 อย่าง ที่ทำให้รถมีความคุ้มค่ามากขึ้น โดยไม่ต้องไปจ่ายถึงระดับ 1.469 ล้านบาทหรืออีก 1.2 แสนบาท เพื่อไปเลือกใช้ในรุ่น GT-Premium เรียกว่าเป็นการอุดช่องว่างของโมเดลก็คงไม่ผิด

ในมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต จีที-พลัสนั้น มีการติดตั้งอุปกรณ์และระบบที่มีความนิยมเข้ามาเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นระบบเปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรีและปุ่มปิดฝาท้ายพร้อมล็อกรถ ภายในห้องโดยสารติดตั้งจอภาพขนาด 12.1 นิ้ว พร้อมรีโมทและหูฟังอินฟาเรด เพื่อความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 

นอกจากนี้ ยังเพิ่มความครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ อาทิ ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อจอดอยู่กับที่ ระบบเบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ ติดตั้งกล้องมองภาพรอบคันและเซนเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ ซึ่งแต่ละระบบที่ติดตั้งมาถือว่ามีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก เมื่อแลกกับค่าตัวที่เพิ่มมาไม่มากนัก

ความน่าใช้งานที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นเดิม

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต จีที พลัส มาพร้อมกับชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ไบ-แอลอีดี พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ มาพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบสเปคตรัม แอลอีดี ไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอกหน้าและไฟท้ายแบบแอลอีดี ติดตั้งเสาอากาศแบบครีบฉลาม โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว 

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมเบาะหนังทุกที่นั่ง ที่นั่งด้านคนขับปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า บริเวณหัวเข่า ที่พักแขน แผงประตูและคอนโซลกลางตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่ม ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบปรับแยกอุณหภูมิอิสระ ซ้าย-ขวา พร้อมติดตั้งช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าและช่องยูเอสบีสำหรับชาร์จอุปกรณ์ 

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบเอ็ม-คอนเนคต์ แอปพลิเคชันอัจฉริยะที่ช่วยแจ้งสถานะตัวรถและข้อมูลสำคัญต่าง ๆ  พร้อมรองรับการใช้งานด้วยภาษาไทย โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ ไมเวค วีจี เทอร์โบ 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร รองรับเชื้อเพลิงดีเซล บี20 พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด