ลองครั้งแรก BYD Atto 3 จัดไป 0-100 ต่ำกว่า 8 วิ ช่วงล่างเซตนุ่ม ออพชั่นดี เหนือกว่าใครด้วยดีไซน์รอบคัน!!!

• ลองขับก่อนเปิดราคา 10 ตุลาคมนี้
• เด่นกว่าใครด้วยดีไซน์รายละเอียดรอบคัน
• เร่ง 0-100 ภายในต่ำกว่า 8 วินาที ทำได้จริง

BYD Atto 3 (บีวายดี อัตโต้ 3) คือรถยนต์รุ่นแรกที่จะมีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด รวมถึงราคาจำหน่าย และยังเป็นการเบิกฤกษ์ให้กับแบรนด์ BYD (บีวายดี) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตามกำหนดการที่วางเอาไว้ในวันที่ 10 ตุลาคม 2565 นี้ และถือเป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นที่หลาย  ๆ คนต่างก็เฝ้ารอดูอยู่

การเลือกรถรุ่นนี้เข้ามาใช้ในการเปิดตัวแบรนด์ แทนที่จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กกว่านั้นที่หลาย ๆ คนนิยม ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะความพร้อมของสินค้าที่ดูจะเข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่ชอบรถออพชั่นแน่น ๆ มากกว่า อีกส่วนก็เพราะว่าบีวายดีจะได้แพคเกจพิเศษทางด้านราคาจากสรรพสามิตอยู่แล้ว

แม้จะมีการคาดการณ์ราคาจำหน่ายรถคันนี้ที่ 1.1-1.2 ล้านบาท ก่อนการลดราคาตามมาตรการสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ แต่ราคาอย่างเดียวก็อาจจะไม่ใช่ประเด็น เพราะเอาจริง ๆ ผู้บริโภคก็เลือกซื้อรถที่หาได้ ด้วยอุปกรณ์และระบบช่วยเหลือที่ต้องจัดมาให้อย่างโดนใจผู้บริโภค

อ่านเพิ่มเติม: BYD เตรียมผลิต PHEV-BEV พร้อมเล็งลงทุนเบลด แบตเตอรี่ ดันไทยฐานส่งออก

AutoFun Thailand รับคำเชิญจาก เรเว่ ออโตโมบิล พันธมิตรของบีวายดีในประเทศไทย ร่วมสัมผัสคันจริงอัตโต้ 3 ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้น ซึ่งในการทดสอบนี้ เรายังไม่รู้รายละเอียดของตัวรถทั้งหมด สเปคและออพชั่นที่ได้มาจะเหมือนหรือต่างจากรถทดสอบก็ยังไม่อาจจะทราบได้เหมือนกัน

รู้แค่ว่า นี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าใช้งานที่สุดคันหนึ่งของประเทศไทย ที่ให้ออพชั่นมาแบบครบ ๆ เครื่องยนต์แรงพอใช้งานอย่างแน่นอนแบบไม่พิรี้พิไร ห้องโดยสารออกแบบมาอย่างสวยงามลงตัว และมีของเล่นที่บอกเลยว่าคนชอบรถออพชั่นล้น ๆ จะต้องร้องว้าวออกมาแน่นอนเมื่อเข้ามานั่งในห้องโดยสาร

เหลือแค่ประกาศออพชั่นกับราคา ลูกค้าน่าจะตัดสินใจกันได้ทันที...

รูปแบบการทดสอบที่หลากหลายเพื่อเข้าใจตัวรถ

สัมผัสแรกของ BYD Atto 3 เป็นการทดสอบในสนามปิด ผ่านสเตชั่นที่ทางทีมงานเซตมาให้ ตั้งแต่การทดสอบอัตราเร่งในโหมดต่าง ๆ การวิ่งตามรูทเพื่อทดสอบช่วงล่างของรถ ที่มีทั้งสเตชั่นการควบคุมรถเป็นเลข 8 การวิ่งผ่านประตูที่กั้นเอาไว้ และการทดสอบการเปลี่ยนเลนแบบอัตโนมัติ รวมไปถึงการทดสอบระบบ ADAS ซึ่งทดสอบได้อย่างหลากหลายรูปแบบ ซึ่งถือเป็นน้ำจิ้มที่ทำให้เราได้รู้จักกับรถมากขึ้น แม้อาจจะไม่เหมือนกับการไปทดสอบใช้งานในชีวิตประจำวันที่อาจจะเจอจุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม ก็ถือว่าเป็นการทำความรู้จักกันไปก่อนละกัน

อ่านเพิ่มเติม: BYD เอาจริง จองพื้นที่ใหญ่สุดงาน Motor Expo พร้อมโชว์ตัวเต็มระบบ

การตอบโจทย์เพื่อลูกค้ารถยนต์ในประเทศไทย

แม้ว่ารถยนต์ที่คนไทยรู้จักกันดีจากแบรนด์บีวายดี จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กแบบ 5 ประตูอย่าง BYD Dolphin (บีวายดี โดลฟิน) เจ้าโลมาน้อยเสียมากกว่า แต่การที่เลือกอัตโต้ 3 ที่มีขนาดตัวถังใหญ่กว่า และออพชั่นด้านเทคโนโลยีที่เหนือกว่ามาเปิดตัวนั้น เดาใจว่าบีวายดีคงต้องการเปิดตลาดรถยนต์นั่งครอสโอเวอร์ขนาดกลาง ที่เป็นตลาดที่มีการเติบโตเหนือกว่าตลาดรถยนต์นั่งแบบอื่น ๆ แถมยังเป็นการทำตลาดรถยนต์ที่มีออพชั่นและเทคโนโลยีเหนือกว่า ขณะที่รถยนต์รุ่นอื่น ๆ นั้น แว่วว่ากว่าจะตามเข้ามาทำตลาดก็น่าจะเป็นช่วงปี 2566 ไปแล้ว

ดีไซน์ภายนอกที่เป็นตัวเอง ขัดใจโลโก้ประตูท้าย

จุดที่หลาย ๆ คนอาจจะชอบเหมือนผมก็คือการออกแบบห้องโดยสารภายนอกของรถคันนี้มีความโดดเด่นและแตกต่าง ไม่ได้เป็นดีไซน์ที่มองแล้วเหมือนรถคันไหน ตัวถังมาพร้อมสีสันสดใส ใส่ออพชั่นมาเต็ม ๆ เช่น ระบบไฟแบบแอลอีดีรอบคัน เซนเซอร์รอบตัวรถพร้อมกล้อง 360 องศา ชุดแต่งเล่นสีสลับดำด้านทำให้ดูมีความแข็งแกร่งบึกบึน หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ ที่เปิดได้ด้วยระบบวันทัช แต่อาจจะต้องเรียนรู้การใช้งานเสียหน่อย ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ มาพร้อมยาง ATLAS ที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้จัก จุดติก็คือโลโก้ BUILD YOUR DREAMS บนประตูบานหลังมันดูขัด ๆ แถมประตูไฟฟ้าด้านท้ายก็ยังไม่มีเปิดแบบไร้สัมผัสมาให้นะ

อ่านเพิ่มเติม: 2022 BYD Atto 3 พร้อมส่งมอบในแดนจิงโจ้พวงมาลัยขวา

ภายในห้องโดยสารหรูอยู่ แรงบันดาลใจจากเครื่องบินมาเต็ม

แม้ตัวรถจะมีระยะสูงจากถนนที่มากถึง 175 มิลลิเมตร แต่การก้าวเข้าออกจากรถนั้นทำได้อย่างไม่ลำบากยากเย็น ตำแหน่งของเบาะที่นั่งอยู่ในระดับเหมาะสม ห้องโดยสารนั้นออกแบบมาโปร่ง ให้พื้นที่ขาและพื้นที่ศีรษะค่อนข้างโล่งสบาย เบาะที่นั่งแนวสปอร์ต มีพื้นที่รองรับเข่าแบบเต็ม ๆ นั่งทางไกลน่าจะสะดวกสบายอยู่ เบาะนั่งคู่หน้าในคันที่ทดสอบเป็นเบาะไฟฟ้าทั้งคู่ ด้านหลังมาพร้อมที่ชาร์จไฟ 2 ตำแหน่ง หน้าจอแสดงผลตรงกลางปรับได้ 2 ทิศทาง ขณะที่หน้าจอข้อมูลการขับขี่เป็นแบบลอยตัวหลังพวงมาลัย ดีไซน์เหมือนหน้าจอเครื่องบิน พร้อมด้วยคันเกียร์แบบที่เห็นได้ในห้องควบคุมนักบิน และช่องแอร์ก็ดีไซน์มาอย่างสวยงาม เรียกว่าเด่นกว่าใครเรื่องดีไซน์นี่ล่ะ

ออพชั่นก็ครบ ๆ อยู่ ระบบช่วยเหลือ ADAS ก็มาแล้ว

ในรถคันที่นำมาทดสอบที่เราคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นตัวท็อปนั้นมาพร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือด้านการขับขี่แบบครบครัน พร้อมด้วยระบบความปลอดภัย ADAS ที่ให้มาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัติพร้อมฟังชั่นส์ Stop&Go ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมระบบดึงรถกลับเข้าเลน พร้อมด้วยระบบเตือนผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อเปิดประตูและมีรถวิ่งมาด้านหลัง นอกจากนี้ ก็มีระบบอย่างการเตือนรถในจุดอับสายตา แน่นอนว่าฟังชั่นส์อย่างถุงลมนิรภัยและฟังชั่นส์เพื่อการใช้งานต่าง ๆ ก็ให้มาอย่างครบครัน

อ่านเพิ่มเติม: สื่อจีนวิเคราะห์ทำไม BYD ต้องทำตลาดเมืองไทย

เครื่องยนต์ตอบสนองดี ช่วงล่างเซตนุ่ม แต่ไว้ใจได้

ไม่น่าจะมีเซอร์ไพร์สอะไร กับการเลือกใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร พกแบตเตอรี่แบบใหม่ Blade Battery แบบลิเธียม-ไอออน ที่น่าจะมีขนาดให้เลือกทั้ง 49.92 และ 60.48 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ทำให้รถคันนี้มีระยะวิ่ง 345-420 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP แต่หากใช้มาตรฐาน NEDC ก็จะเคลมกันอยู่ที่ 410-480 กิโลเมตร เรียกว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกหนึ่งคันที่มีระยะทางวิ่งที่ไว้ใจได้ ใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบาย ๆ

การออกตัวนั้นเป็นไปอย่างดุเดือด ในการทดสอบในสนามปิดนั้น เราทำการวิ่งจาก 0-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 3.90 วินาที พร้อมทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.97 วินาที ซึ่งมากกว่าตัวเลขเคลมอย่างเป็นทางการเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกคันหนึ่งที่เน้นการใช้งานแบบจริงจัง ไม่ได้ควบคุมเรื่องสมรรถนะเพื่อเน้นการจัดการพลังงานในแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว

ช่วงล่างของรถนั้นถูกเซตมาในแนวนุ่มนวล เหมาะกับการใช้งานในเมืองมากกว่าออกไปซิ่งนอกเมือง ยางที่หลาย ๆ คนอาจจะกังวลนั้นให้ความนุ่มใช้ได้ ส่วนการตอบสนองต่อการขับเร็ว ๆ หรือการเข้าโค้งแรง ๆ ยังมีอาการโยนตัวอย่างชัดเจนอยู่ เบรกได้อย่างมั่นใจ แต่อาจจะต้องใช้น้ำหนักการเบรกมากในรูปแบบของรถไฟฟ้า และที่เซอร์ไพร์สมากที่สุดก็คือวงเลี้ยวของรถที่จัดว่าแคบมาก ๆ เรียกว่ากลับรถอาจจะทำได้ในเลนเดียวเลยด้วยซ้ำ

ความแปลกใหม่ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

หากมองไปที่บีวายดี อัตโต้ 3 ก็จะพบว่านี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการเข้ามาเจาะตลาดประเทศไทย ในฐานะหนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมของตัวเองอย่างมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องเบลดแบตเตอรี่อันลือชื่อ นอกจากนี้ การเปิดตลาดประเทศไทยนั้น ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเปิดตลาดในตลาดหลักอย่างญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแผนงานที่น่าสนใจอย่างมีนัยสำคัญ

ในส่วนของตัวรถเองนั้น BYD Atto 3 ให้ทุกอย่างมาอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ ออพชั่นด้านความปลอดภัย และของเล่นหลาย ๆ อย่างที่มากกว่าคนอื่น โดยไม่ทิ้งพื้นฐานของการเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ที่ดี ด้วยพื้นฐานของการใช้งานที่ให้มาครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเบาะหลังพับได้ 60:40 หรือที่กรองอากาศ PM2.5 ที่มาพร้อมฟังชั่นส์ที่เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแน่นอน

เหลืออย่างเดียวก็คือ ตัวรถที่จำหน่ายจริงในประเทศไทยนั้นจะมีทางเลือกอะไรบ้าง ออพชั่นมาครบ ๆ แบบนี้หรือไม่ และจะเปิดตัวที่ระดับราคาเท่าใด หากเป็นไปตามข่าวลือ ราคาหลังส่วนลดก็จะอยู่ที่ช่วง 8.5-9.5 แสนบาท ใกล้เคียงกับคู่แข่งจากประเทศเดียวกัน ซึ่งก็ต้องขึ้นกับความสามารถในการหาสินค้าของเรเว่อีกว่าจะสามารถหารถมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้มากน้อยเพียงใด

แต่บอกเลยว่างานนี้น่าจะมีออเดอร์ไหลจากรถที่ไม่มีขายมาทางนี้เยอะแน่นอน!!!