เทียบรุ่นย่อย 2023 MG Maxus 9 ห่างกัน 2 แสนบาท ครบจบตั้งแต่รุ่น X แต่ถ้าไปสุดต้องรุ่น V

  • ขุมพลังเดียวกัน
  • ส่วนที่ต่างกันจริง ๆ คือภายใน : เบาะ VIP
  • ระบบความปลอดภัยจัดเต็มทุกรุ่น

2023 MG Maxus 9 (2023 เอ็มจี แม็กซัส 9) เปิดราคาแล้วในประเทศไทย จำหน่ายในบ้านเราทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น X ที่ราคา 2,499,000 บาท และรุ่น V ที่ราคา 2,699,000 บาท

ทั้งสองรุ่นย่อยนั้นมีราคาต่างกันที่ 200,000 บาท หากใครต้องการรถตู้ 7 ที่นั่งไฟฟ้าล้วนที่มีอุปกรณ์ครบครัน Maxus 9 ก็สามารถตอบสนองความต้องการของเราได้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น 

แต่หากเราต้องการยกระดับความสบาย “เช่นเดียวกันกับที่นั่ง First Class บนเครื่องบิน” การเพิ่มเงินอีก 2 แสนบาทก็ดูน่าจะมีความคุ้มค่าไม่น้อย

บทความนี้ เราจะมาลองเปรียบเทียบรุ่นย่อยทั้งสองรุ่นของ 2023 MG Maxus 9 ว่ามีอุปกรณ์ใดที่แตกต่างกันบ้าง ส่วนต่างที่จ่ายเพิ่มจะคุ้มค่ากับความต้องการหรือไม่

2023 MG Maxus 9 เผยโฉมครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยมาพร้อมบุคลิกของ MPV ที่หรูหรา เพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์และฟังก์ชั่นที่ทันสมัย โดย MG เรียกว่าเป็นการเปิดเซกเมนต์ใหม่ e-MPV หนึ่งเดียวในไทยตอนนี้

ขุมพลังเดียวกัน

Maxus 9 ทั้งสองรุ่นย่อยมาพร้อมขุมพลังเดียวกันคือ มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 90 kWh สามารถขับขี่ได้ไกลสุด 540 กม. (มาตรฐาน NEDC)

นอกจากนี้ยังสามารถชาร์จแบบ DC ด้วยความเร็วสูงสุด 120 kW โดยชาร์จจากแบตเตอรี่ที่ 30-80% ได้ภายในเวลาเพียง 36 นาที และรองรับการชาร์จแบบธรรมดา AC สูงสุดที่ 11 kWh สามารถชาร์จจาก 5-100% ได้ในเวลา 8 ชั่วโมงครึ่ง

สำหรับดีไซน์ภายนอกของทั้งสองรุ่นย่อยนั้นไม่แตกต่างกัน โดยมาพร้อมกระจังหน้าแบบ Grille Less Design ประตูข้างทั้ง 2 ฝั่งเป็นแบบสไลด์ด้วยไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า 

ล้อและยางของทั้งสองรุ่นนั้นมีขนาดเดียวกันที่ 235/55 R19 แต่ในรุ่น X จะเป็นยางแบบธรรมดา ส่วนรุ่นท็อป V จะมาพร้อมยางรันแฟลต

นอกจากนี้ อุปกรณ์ภายนอกยังมีอย่างครบครันตั้งแต่รุ่น X ได้แก่ ไฟหน้าแบบ LED พร้อมเดย์ไลท์ ไฟท้าย LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ sequential ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ หลังคาซันรูฟด้านหน้าและพานอรามิคด้านหลัง

สีพิเศษมีในรุ่นท็อปเท่านั้น

สำหรับรุ่น X นั้นมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีขาว ส่วนรุ่น V จะมีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ สีขาว และสีพิเศษเทาหลังคาดำ แกรนิต เกรย์ ที่ต้องเพิ่มเงินอีก 30,000 บาท 

ส่วนที่ต่างกันจริง ๆ คือภายใน

ภายในคือสิ่งที่ทั้งสองรุ่นย่อยมีความแตกต่างกันมากที่สุด แต่ในส่วนของอุปกรณ์พื้นฐานนั้นมีให้ครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น X แล้ว ได้แก่ ภายในที่มีโทนสีดำ, เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้และวัสดุสังเคราะห์, ไฟห้องโดยสาร Ambient Light 64 สี, มาตรวัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว และพวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชั่นปรับได้ 4 ทิศทาง

สำหรับระบบความบันเทิงมาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มีกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่งในรุ่น X และลำโพง 12 ตำแหน่งในรุ่น V

ช่อง USB ภายในรถก็มีให้อย่างครบครันที่ 7 ตำแหน่งในรุ่น X และ 9 ตำแหน่งในรุ่น V ช่วยอำนวยความสะดวกในการชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ

แต่ส่วนที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ เบาะนั่ง โดยเบาะนั่งแถวหน้าในรุ่น X จะสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ส่วนรุ่น V จะเหมือนกัน แต่จะเสริมระบบบันทึก ระบบนวด และระบบปรับอุณหภูมิเข้ามาด้วย

เบาะแถวที่สองก็เช่นกัน ในรุ่น X มาพร้อมเบาะแถวสองแบบ Captain Seat ที่สามารถปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทางพร้อมระบบนวด และระบบอุ่นเบาะและระบายความร้อน ส่วนรุ่น V จะเป็นเบาะแบบ VIP ปรับไฟฟ้า 12 ทิศทาง

เบาะ VIP นั้นมาพร้อมระบบนวด 8 โปรแกรม และระบบปรับอุณหภูมิ โต๊ะพับได้พร้อมช่องเสียบ USB รวมถึงหน้าจอสัมผัสที่พนักแขน Individual Touchscreen Control สำหรับการปรับเบาะนั่งได้ตามต้องการ

ภายในรุ่น X

ภายในรุ่น V ที่มีเบาะ VIP

กระจกมองหลังของทั้งสองรุ่นย่อยก็มีความแตกต่างกัน โดยมาพร้อมกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติตั้งแต่รุ่น X แล้ว แต่ในรุ่น V จะมีระบบ Streaming Media Rearview Mirror เสริมเข้ามา ซึ่งเป็นการฉายภาพจากกล้องมองหลังในกรณีที่ไม่สามารถมองผ่านกระจกหลังได้

กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติพร้อมระบบ Streaming Media Rearview Mirror

นอกจากนี้ อุปกรณ์ภายในรถยังมีให้อย่างครบครัน ได้แก่ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระหน้า-หลัง, ระบบชาร์จไร้สาย, ระบบกุญแจนิรภัยอัจฉริยะพร้อม Push start, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และช่องจ่ายไฟ 220V 

ระบบความปลอดภัยจัดเต็มทุกรุ่น

สำหรับระบบความปลอดภัยนั้น Maxus 9 นั้นจัดเต็มมาให้ในทุกรุ่นย่อย ได้แก่

  • ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย Full Space Frame
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อม Auto Vehicle Hold
  • ระบบ ABS EBD EBA
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) 
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) 
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) 
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) 
  • ระบบเปิด – ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam Control) 
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) 
  • ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) 
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) 
  • ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System) 

ระบบความปลอดภัยแบบ Active Safety ก็มีมาให้ครบครันทุกรุ่นย่อย ได้แก่

  • ระบบช่วยเตือนการชน FCW และระบบช่วยเบรก AEB
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) 
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) 
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) 
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) 
  • ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA / BSD / RCTA / DOW) 

นอกจากนี้ ระบบความปลอดภัยพื้นฐานยังมีให้อย่างครบครัน ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 และสัญญาณเตือนระยะด้านหน้า และหลัง 

ถือว่าคุ้มค่าแม้จะเลือกรุ่นท็อป

เราจะเห็นได้ว่า ความแตกต่างของ 2023 MG Maxus 9 ทั้งสองรุ่นย่อยจะอยู่ที่ความสะดวกสบายของเบาะนั่งแถวที่สองเป็นหลัก เพราะในด้านอื่น ๆ ถือว่า MG จัดอุปกรณ์มาให้อย่างเต็มที่

หากใครต้องการความสะดวกสบายจาก Captain Seat แบบ VIP ที่ MG กล่าวว่าเหมือนกับที่นั่ง First Class บนเครื่องบินจริง ๆ การเพิ่มราคาไปรุ่น V ซึ่งเป็นรุ่นท็อปนั้นถือว่าคุ้มค่าพอตัว เพราะด้วยราคาค่าตัวที่ 2.699 ล้านเมื่อเทียบกับคู่แข่ง MPV หรู 7 ที่นั่งคันอื่น เช่น Toyota Alphard ก็พบว่าต่างกันอยู่หลายแสนบาทเลยทีเดียว

ส่วนหนึ่งนั้นเกิดจากขุมพลังไฟฟ้าล้วนและการนำเข้าจากจีนที่เสียอัตราภาษีที่ต่ำกว่าคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ก็จะมีคู่แข่งโดยตรงจากเพื่อนร่วมชาติอย่าง Denza D9 จาก BYD ที่อาจจะเปิดราคามาใกล้เคียงกัน

อ่านเพิ่มเติม : ชมคันจริง Denza D9 EV รถตู้จีน ที่จะมาฆ่า Alphard ด้วยออพชั่นไฮเทค ในราคาถูกกว่าครึ่ง

    Channel:
ติดตามพวกเราได้ที่:

ขายรถคันเดิมเพื่อซื้อรถมือสองคุณภาพดีได้ง่ายและสะดวก

ผู้ใช้ แลกรถในฝันแล้ว
เพิ่มรถของคุณ

แลก

MG V80

ขายรถมือสอง

ตรวจสภาพรถ 175 จุด

รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

การรับประกัน 1 ปี

ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

ดูเพิ่มเติม

วีดีโอสั้นที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดเบื้องหลังการซ่อมตัวถังรถหรูในไทย วิธีพ่นและอบสีร้อน ไม่กระทบแบต Hybrid เหมือนใหม่จากโรงงาน

เปิดดูเบื้องหลังศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังของ Mercedes-Benz ในประเทศไทย ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยอบสีรถ ไม่กระทบกับระบบไฮบริดและแบตเตอรี่ใหม่ ศูนย์บริการของ Mercedes-Benz ที่รับซ่อมตัวถังได้ด้วย มีไม่กี่แห่งในไทย หนึ่งในนั้นอยู่ที่ชลบุรี เป็นสาขาใหม่ของ เบนซ์ไพรม์มัส ที่อำนวยความสะดวกคนอยู่ต่างจังหวัด และอยากซ่อมตัวถังกับศูนย์ที่ได้มาตรฐานแบบโรงงานผู้ผลิต เรามาดูกันว่าเบื้องหลังการซ่อมนี้ จะใกล้เคียงของเดิมจากโรงงานแค่ไหน ศูนย์บริการเบนซ์ไพรม์มัสสาขาใหม่ที่ชลบุรีนี้ รองรับงานซ่อมสี และตัวถัง เดือนละ 1

Mitsubishi ลงทุนผลิตเครื่อง 4N16 Hyper Power ใหม่ ให้ใช้งานได้เกิน 400,000 กม.ขึ้นไป

การผลิตเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ รุ่นใหม่ ถึงขั้นต้องปรับปรุงโรงงานขนานใหญ่ ให้เป็นไปตามมาตรฐานญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้การประกอบเครื่องยนต์มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด พร้อมเผยเคล็ดลับความทนทานของเครื่อง 4n16 ใหม่ในรถ 2023 Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมล่าสุด เปลี่ยนสายพานการผลิตเครื่องยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตให้ all-new Triton ต้อนรับการมาของรถรุ่นใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการ

Mercedes-Benz เตรียมใช้แบตเตอรี่ Blade ของ BYD ในรถอีวี

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตกเป็นข่าวว่าเตรียมหยิบยืมเทคโนโลยี Blade Battery ของ BYD มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง สำนักข่าว CBEA ของจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า รถยนต์รุ่นแรกของ Mercedes-Benz ที่จะใช้แบตเตอรี่ของ BYD คือ All-New CLA รุ่นใหม่ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม 800V MMA แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในจีนเท่านั้นหรือในต่างประเทศด้วย ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CBEA รายงานด้วยว่าค่ายรถยักษ์เยอรมันจะเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ใ

ส่อง MG ZS 7 คัน มือสองดาวน์น้อย ผ่อนสบาย จากทาง CARSOME

วันนี้ เราเอาใจคนรักครอบครัวที่กำลังหาซื้อรถมือสอง ด้วย MG ZS มือสอง คุณภาพเยี่ยมถึง 7 คันพร้อมโปรโมชันสุดปังอย่าง CARSOME Easy Sale ดาวน์น้อย ผ่อนง่าย จ่ายไหว ที่ให้ทุกคนผ่อนรถมือสองได้ง่ายๆ เริ่มต้นเพียง 4,xxx บาทต่อเดือน แถมยังมียอดดาวน์น้อย จ่ายได้สบายกระเป๋า แถมมีสิทธิ์เป็นผู้โชคดี ได้เงินคืนรวม 5 แสนบาท*** พร้อมความคุ้มค่าแบบจุกๆ อีกเพียบ ที่สำคัญ ยังมั่นใจได้ว่า รถมือสองทุกคันจาก แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง CARSOME ยัง ผ่านการตรวจเช็กอย่

Honda ยืนยันร่วมใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla

Honda (ฮอนด้า) เป็นบริษัทรถยนต์รายล่าสุดต่อจาก Ford และ General Motors ที่จะใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla สำนักข่าว Asahi ของประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า Honda ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะใช้พอร์ทชาร์จไฟเร็วของ Tesla ในรถยนต์ไฟฟ้าที่จะออกจำหน่ายในภูมิภาคอเมริกาเหนือตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ Ford และ General Motors ประกาศนโยบายคล้ายคลึงกันหลังบรรลุข้อตกลงกับ Tesla ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ Rivian อีกหนึ่งบริษัทรถยนต์สัญชาติอเมริกันก็จะเดินตามรอยด้วยเช่นกัน นักวิเคราะห์เ

รถแนะนำสำหรับคุณ

ยอดนิยมล่าสุดอัพเดท
ฮิต
MG

MG ZS

THB 689,000 - 799,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG Maxus 9

THB 2,499,000 - 2,699,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG ES

THB 959,000

ชมรุ่นรถ
Honda

Honda WR-V

THB 799,000 - 869,000

ชมรุ่นรถ
รุ่นใหม่
BMW

BMW X7

THB 5,999,000 - 8,959,000

ชมรุ่นรถ
BMW

BMW XM

THB 14,899,000

ชมรุ่นรถ
GAC

GAC Aion Y Plus

THB 1,069,900 - 1,299,900

ชมรุ่นรถ
Toyota

Toyota Vellfire

THB 4,129,000

ชมรุ่นรถ
Subaru

Subaru Levorg

THB 1,890,000

ชมรุ่นรถ
Mercedes-Benz

Mercedes-Benz Sprinter

THB 3,790,000

ชมรุ่นรถ

เปรียบเทียบรถที่เกี่ยวข้อง

MG V80
เช็คทันที