Suzuki (ซูซูกิ) อินโดนีเซีย ได้เปิดตัว 2024 Suzuki XL7 Hybrid (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7 ไฮบริด) รุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ ซึ่งแน่นอนว่ารถยนต์รุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมระบบ Smart Hybrid Vehicle by Suzuki (SHVS) ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วใน 2023 Suzuki Ertiga Hybrid (ซูซูกิ เออร์ทิก้า ไฮบริด) ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ในประเทศไทย
แม้จะมีการใช้แบตเตอรี่และมอเตอร์เข้ามาช่วยเสริมกำลังในการออกตัว ที่ไม่ส่งผลต่อเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่โดยตรง เหมือนที่เราเคยไปทดสอบเออร์ทิก้ามาแล้วก็ตาม แต่เอ็กซ์แอล7 ไฮบริดที่เพิ่งเปิดตัวนั้น ไม่ได้มีแค่การเปลี่ยนแปลงด้านเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง แต่มีการปรับหน้าตาและออพชั่นต่าง ๆ มากมายจนเหนือกว่าเออร์ทิก้าไปมาก
กำหนดการเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการสำหรับประเทศไทย น่าจะมีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 อย่างแน่นอน ซึ่งก็หวังว่าซูซูกิ ประเทศไทย จะจัดออพชั่นแบบเต็ม ๆ ทั้งหมดมาให้แบบไม่ตัดทอนอะไรลงไป ซึ่งมีอะไรที่น่าสนใจ้บ้างนั้น มาลองติดตามชมกันได้เลย ขอบอกเลยว่ามันเปลี่ยนไปมากกว่าที่คุณ ๆ คิดกันอย่างแน่นอน
แม้กำลังจะไม่เพิ่ม แต่ออพชั่นถือว่าเยอะเลยนะสำหรับแบรนด์นี้!!!
แน่นอนว่าในรุ่นใหม่นี้ จะมาพร้อมเครื่องยนต์ K15B รุ่นเดิม ที่ให้กำลังสูงสุด 104.7 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาทีเหมือนเดิม พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีดที่ไม่น่าจะได้เข้ามาในประเทศไทย และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมติดตั้งเจนเนอเรเตอร์สำหรับการสตาร์ทและแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาด 10 แอมป์เข้ามา พร้อมทำให้ตัวรถไฮบริดรุ่นใหม่นี้ รองรับระบบการตัดการทำงานของเครื่องยนต์แบบอัตโนมัติมาให้ ช่วยประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ภายนอกในเวอร์ชั่นไฮบริดนั้นได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีความดุดันมากกว่าเดิม ด้วยกระจังหน้าสีดำ ล้ออัลลอยสีดำขนาด 16 นิ้ว ไฟหน้าแบบออโต้ พร้อมระบบไฟนำทางหลังล็อกรถ กระจกมองข้างแบบพับได้อัตโนมัติ เสาอากาศแบบสั้น ด้านหลังมาพร้อมแบดจ์ไฮบริด ขณะที่ในรุ่นท็อปนั้นจะมีสีตัวถังแบบทูโทนให้เลือกโดยสีที่เป็นสีขายในครั้งนี้ ได้แก่สีออกเหลือง ๆ งาช้างที่ซูซูกิเรียกว่า Savana Ivory ตัดกับหลังคาสีดำ ซึ่งโดยรวม ๆ ถือว่าภายนอกนั้นมีการปรับแต่งไปมากพอสมควร
ภายนอกนั้นดุดันกว่าเดิม แต่ห้องโดยสารได้รับการออกแบบเน้นความหรูหราพรีเมียมมากขึ้น พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานได้มากกว่าเดิม ห้องโดยสารออกแบบด้วยสีทูโทนดำ-เทา พร้อมด้วยชุดลายไม้สีเข้มที่ดูขรึมกว่าเดิม ไฮไลท์อยู่ที่กระจกมองหลังดิจิตอลแบบสัมผัส (E-Mirror Touchscreen) ในรุ่นท็อป ที่ทำให้สามารถใช้งานกล้องมองหลังได้อย่างหลากหลายกว่าเดิม ตัวรถนั้นยังรองรับการโดยสาร 7 ที่นั่งเต็มที่เหมือนเดิม โดยไม่ได้มีการปรับในเรื่องของเบาะหรือการนั่งโดยสารแต่อย่างใด
นอกจากระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติที่มาพร้อมระบบไฮบริดแล้ว ซูซูกิยังได้ทำการปรับเพิ่มระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่ โดยได้ติดตั้งระบบที่หลาย ๆ คนอยากได้อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งน่าเสียดายที่ยังไม่เป็นแบบแปรผัน รวมถึงการเพิ่มระบบช่วยหยุดรถบนทางลาดชัน (Hill Hold Control) มาเพื่อช่วยเหลือด้านการขับขี่ ซึ่งพอมาผสานกับระบบเดิม ๆ ที่ติดตั้งมาก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าพวกเขาได้พยายามพัฒนาสินค้าที่มีอยู่ในมือให้ดีที่สุด เพื่อให้แข่งกับผู้ประกอบการรายอื่นได้ดีขึ้น
การเปิดตัวรถยนต์เวอร์ชั่นไฮบริดในครั้งนี้ ทำให้ซูซูกิ อินโดนีเซีย ได้ปรับรุ่นย่อยของเอ็กซ์แอล7 ในประเทศลดลงไป โดยประกอบไปด้วยรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดา ไฮบริดรุ่นเริ่มต้นและไฮบริดตัวท็อป โดยทุกรุ่นจะมีเกียร์ให้เลือกทั้งธรรมดาและอัตโนมัติ ซึ่งราคาจำหน่ายของซูซูกิ เอ็กซ์แอล7 ไฮบริด ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ จะแพงกว่ารุ่นเครื่องยนต์ธรรมดาตั้งแต่ 6.5-8.8 หมื่นบาท ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่า เมื่อเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยแล้ว ซูซูกิ ประเทศไทยจะทำราคาจำหน่ายรถรุ่นนี้อย่างไรบ้าง
ที่แน่ ๆ มีการปรับราคา Ertiga ลงไปเพิ่มช่องว่างของการทำราคารอไว้แล้ว งานนี้น่าจะสนุกเลยล่ะ!!!
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}