ในช่วงเดือนกันยายน 2023 ที่ผ่านมา หนึ่งสิ่งที่เป็นประเด็นของวงการยานยนต์มากที่สุด ณ เวลานี้ คือ วิกฤตตลาดรถยนต์มือสองที่ปั่นป่วนอย่างมาก สำหรับใครที่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วใครได้เปรียบเสียเปรียบ วันนี้เรามาหาคำตอบกัน
สำหรับที่มาของวิกฤตของตลาดรถยนต์มือสองนั้นแบ่งออกมาหลัก ๆ 3 ประการคือ
ในช่วงวิกฤตโควิตนั้นปริมาณเงินกู้ของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะภาคครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ แม้จะหมดช่วงวิกฤตโควิทไปแล้ว แต่สภาพเศรษฐกิจยังไม่พื้นตัวดี ทำให้เมื่อหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้แล้ว มีรถยนต์ถูกยึดจำนวนมาก โดยจากการอ้างอิงของ Thaipbs พบว่าข้อมูลของเครดิตบุโรได้แจ้งเตือนว่าปี 2023 จะมีรถยนต์เสี่ยงถูกยึดมากถึง 1 ล้านคัน โดยแบ่งเป็นรถที่ไม่จ่ายค่างวดแล้ว และรถที่เลี้ยงหนี้ (จ่ายหนึ่ง เว้นสอง)
นำไปสู่เหตุการณ์ต่อมาคือการที่สถาบันการเงินต่าง ๆ เข้มงวดมากขึ้นในการให้สินเชื่อซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์มือสอง ที่เดิมนั้นมักจะมีดอกเบี้ยที่แพงกว่ารถยนต์มือหนึ่ง เนื่องจากสถาบันการเงินมองว่ารถยนต์มือสองมีความเสี่ยงกว่ารถยนต์มือหนึ่ง ในเรื่องของการใช้งาน และหากว่าลูกหนี้ไม่จ่ายมูลค่าของสินค้าก็จะยิ่งลดลงไปอีก ซึ่งจากคำให้การของหลาย ๆ เต็นท์รถยนต์พบว่า ไฟแนนซ์ปฏิเสธการให้สินเชื่อมากกว่าเกินครึ่งหนึ่งของเคสที่ส่งไป
อ่านเพิ่มเติม: อนาคต Saab มือสอง จะหาอะไหล่ง่ายขึ้น ด้วยการผลิตชิ้นส่วนใหม่ จากโรงงานตัวพ่อในเมืองต้นกำเนิด
การมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สเปคดีขึ้น บางรุ่นแทบจะราคาเท่ากับรถยนต์สันดาป ทำให้บรรดาค่าบรถยนต์ต่าง ๆ เลือกที่จะลดมาร์จิ้น(กำไรขั้นต้น) ลงเพื่อให้รถยนต์นั้นขายได้ โดยรถรุ่นยอดนิยมของคนไทยต่างทยอยรถราคา บางรุ่นเปิดตัวต้นปีแต่ลดราคาไปแล้ว 150K พร้อมโปรโมชั่นที่ดีกว่ารถยนต์มือสอง โดยเฉพาะดอกเบี้ย 0% ที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อรถยนต์มือหนึ่งมากกว่ามือสอง
อ่านเพิ่มเติม: วงการ EV ในสหรัฐชะงัก เพราะความต้องการรถไฟฟ้าอาจไม่มากพอที่จะทำกำไรตามเป้า
เศรษฐกิจของประเทศไทยยังไม่พื้นตัวดี แม้จะผ่านโควิทรวมถึงการเลือกตั้งมาแล้ว ทำให้ผู้คนเลือกที่จะเก็บเงินมากกว่าที่จะซื้อสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะรถยนต์ที่น้อยคน เลือกที่จะจ่ายด้วยเงินสด ส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีการเช่าซื้อมากกว่า(ผ่อน)
อ่านเพิ่มเติม: ขาลง!? เหตุใด CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่อีวีเบอร์ 1 โลกถึงมีผลกำไรลดฮวบ
ผู้อยู่ในวิกฤตครั้งนี้
สำหรับผู้ที่อยู่ในวิกฤตครั้งนี้คือ เต็นท์รถยนต์มือสองต่าง ๆ ที่ปล่อยรถยนต์ได้ยากขึ้น ลูกค้าน้อยลง แถมรถยนต์มือสองเองก็มีราคาปรับลงทุกปี ทำให้การเลือกรับรถยนต์เข้าเต็นท์อาจจะต้องมีความเข้มข้นมากขึ้น
สำหรับผู้ที่ได้ประโยชน์จากวิกฤตครั้งนี้คือ คนที่มีเงินสดในการซื้อรถยนต์ ที่คุณจะได้รถยนต์สภาพดีในราคาที่ถูกลง กว่าเดิมหลายบาท ยกตัวอย่างเช่น 2018 Honda CR-V ต้นปีนี้ราคามือสองประมาณ 850,000 บาท แต่ถ้าคุณซื้อ ณ เวลาที่กำลังอ่านบทความนี้ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 650,000 กว่าบาทเท่านั้น พร้อมอำนาจในการต่อรองแบบเต็มที่
อ่านเพิ่มเติม:
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{expSellingPriceText}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}