Tesla ยกเลิกการใช้ “เซนเซอร์อัลตราโซนิค” รอบคัน อาจใช้ฟังก์ชั่นบางอย่างไม่ได้ชั่วคราว
Salin · Oct 18, 2022 03:45 PM
0
0
ใช้แต่กล้องอย่างเดียว
ฟังก์ชั่นบางอย่างอาจใช้ไม่ได้ชั่วคราว
หลายคนไม่ชอบฟังก์ชั่นเหล่านี้อยู่แล้ว
ข้อดี–ข้อเสีย ที่อาจมีหลังตัดเซนเซอร์
Tesla (เทสล่า) เข้าสู่การยกเลิกการใช้เรดาร์หรือเซนเซอร์ และนำไปสู่การใช้ Tesla Vision อย่างเต็มตัว ซึ่งอาจทำให้มีข้อสงสัยว่าจะเป็นการลดต้นทุนหรือไม่ ซึ่งเทสล่าอ้างว่าตัวระบบนั้นมีความปลอดภัยที่เพียงพอ แม้ว่าการมีกล้องอย่างเดียวอาจจะมีข้อจำกัดในบางสภาพอากาศ
และยังไม่รวมถึงการสืบสวนเรื่องความปลอดภัยของระบบช่วยเหลือการขับขี่ Autopilot และ Full Self-Driving ที่ยังค้างคากันอยู่ แต่ Tesla ก็ยืนยันที่จะลดเซนเซอร์บางตัวออกไป และครั้งนี้ก็คือ เซนเซอร์อัลตราโซนิค
จะไม่มีเซนเซอร์ ใช้แต่กล้องอย่างเดียว
เซนเซอร์ของรถคือส่วนที่ฝังอยู่รอบกันชนเพื่อการตรวจจับวัตถุและส่งสัญญาณเพื่อเตือนเราขณะจอดรถ แต่หลังจากนี้ Tesla Model 3 และ Model Y ที่จะส่งมอบจะไม่มีเซนเซอร์มาให้แล้ว และ Tesla Model S และ Model X รุ่นปี 2023 จะไม่มีมาให้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งการนำเซนเซอร์อัลตราโซนิคออกไปครั้งนี้จะส่งผลไปยังคุณสมบัติบางอย่างของรถที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ Autopark, Park Assist, Summon, และ Smart Summon แต่อาจจะมีผลแค่ชั่วคราว
รายงานของ Tesla ระบุว่า Tesla Model 3 และ Model Y ที่ไม่มีเซนเซอร์ดังกล่าวจะกลับมามีคุณสมบัติข้างต้นได้ เมื่อ “(คุณสมบัติเหล่านี้จะ) สามารถมีประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับรถในปัจจุบัน”
หลายคนไม่ชอบฟังก์ชั่นเหล่านี้อยู่แล้ว
ผู้ที่ไม่ชอบ Tesla มักบอกว่าของคุณสมบัติที่ได้ตัดออกไปเหล่านี้มีประสิทธิภาพต่ำ เพราะรถ Tesla มักเกิดอุบัติเหตุจากคุณสมบัติเหล่านี้ เช่น Smart Summon และพบว่า เจ้าของ Tesla บางคนมีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติ Autopark มากกว่าหนึ่งครั้ง โดย Nassim Nicholas Taleb อาจเป็นคนที่ร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อสาธารณชนมากที่สุด
ข้อดี–ข้อเสีย ที่อาจมีหลังตัดเซนเซอร์ออก
ความเปลี่ยนแปลงของ Tesla ครั้งนี้มีข้อดีคือ สามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับระบบอื่นได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก ส่วนข้อเสียคือเมื่อระบบเหล่านี้ถูกถอดออกไปแล้ว ระบบ Tesla Vision อาจจะยังทำงานผิดพลาดในการหลีกเลี่ยงการชนรถคันอื่น, วัตถุต่าง ๆ หรือแม้แต่คนเดินเท้า
Tesla ได้ยืนยันว่า Tesla Vision นั้นทำงานได้ดีสำหรับ Autopilot แต่ตอนนี้ สถาบันบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติแห่งสหรัฐฯ (NHTSA) ยังคงประเมินว่าระบบทำงานได้ดีจริงหรือไม่