2023 Honda City (2023 ฮอนด้า ซิตี้) ใหม่ได้รับการเปิดตัวออกทำตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการแล้ว เดินหน้าแข่งขันในกลุ่มรถยนต์บีเซกเมนท์ที่มีคู่แข่งมากมาย

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว 2023 Honda City พร้อมกับการยกระดับคุณสมบัติที่พวกเขาให้คำนิยามว่าเป็นความสปอร์ตพรีเมียมด้วยดีไซน์ใหม่รอบคัน อีกทั้งยังใส่อุปกรณ์อำนวยสะดวกและความปลอดภัยเข้ามาเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน ยังมีการปรับรุ่นย่อยใหม่ หั่นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบทิ้งไป 1 รุ่น แล้วเพิ่มรุ่นไฮบริด e:HEV อีก 1 รุ่น เพื่อให้ตอบโจทย์การเลือกใช้งานของผู้บริโภคมากขึ้น ดังต่อไปนี้  

ราคา 2023 Honda City ใหม่

2023 Honda City รุ่น V ราคา 629,000 บาท 

2023 Honda City รุ่น SV ราคา 679,000 บาท

2023 Honda City รุ่น RS ราคา 749,000 บาท

2023 Honda City e:HEV รุ่น SV ราคา 769,000 บาท (รุ่นย่อยใหม่) 

2023 Honda City e:HEV รุ่น RS ราคา 839,000 บาท

ราคาเดิม 2022 Honda City

2022 Honda City รุ่น S ราคา 579,500 บาท

2022 Honda City รุ่น V ราคา 609,000 บาท

2022 Honda City รุ่น SV ราคา 665,000 บาท

2022 Honda City รุ่น RS ราคา 739,000 บาท

2022 Honda City e:HEV รุ่น RS ราคา 839,000 บาท

อุปกรณ์ครบครันมากขึ้น

2023 Honda City ใหม่ มาพร้อมระบบ Honda Sensing เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และเมื่อเจาะรายละเอียดแต่ละรุ่นย่อยยังมีอุปกรณ์ลดหลั่นกันไป อย่างเวอร์ชั่นไฮบริดทั้งสองรุ่นย่อยมีระบบใหม่อย่างระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) เพิ่มเติมเข้ามาด้วย และยังมีระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

ขณะเดียวกัน ยังมีระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

สำหรับระบบเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold รวมถึงระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศตอนหลังจะมีเฉพาะในเวอร์ชั่นไฮบริดทั้งสองรุ่นย่อยเท่านั้น

ขุมพลังเดิมเพียงพอต่อการใช้งาน

2023 Honda City ใหม่ รุ่นเริ่มต้นมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 12 วาล์ว ขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT มีอัตราประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 23.8 กม.ต่อลิตร

ขณะที่รุ่นไฮบริด e:HEV ตัวท็อปและรองท็อปมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน  มีแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) อัตราความประหยัดน้ำมัน 27.8 กิโลเมตรต่อลิตร

ระบบ e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสม ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

รูปลักษณ์ปรับเล็กน้อย

เพื่อรักษาความสดใหม่ 2023 Honda City ได้รับการปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกกันเล็กน้อย อย่างกันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่ ส่วนอื่น ๆ ยังเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมเดย์ไลท์ LED และไฟท้าย LED มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และเสาอากาศแบบครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ        

สำหรับล้ออัลลอยใช้ขนาด 15 นิ้วในรุ่น V และตกแต่งแบบทูโทนในรุ่น SV ขณะที่รุ่น e:HEV SV มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 16 นิ้ว ตกแต่งแบบทูโทน

แน่นอนว่าไฮไลท์ยังเป็นของรุ่น RS เน้นความสปอร์ตด้วยกันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอยแบบทูโทนสไตล์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว และกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตแบบ RS  

ภายในห้องโดยสารตกแต่งหลากหลายรูปแบบตามแต่รุ่นย่อย วัสดุหุ้มผ้าในรุ่น V ส่วนรุ่น SV และ e:HEV ใช้วัสดุหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ

มาพร้อมชุดแต่งให้เลือกสรร

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ยังนำเสนอแพ็คเกจชุดแต่ง โมดูโล (Modulo) รอบคัน ที่มาพร้อมกับแนวคิด “More Stage Up Booster” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก เช่น ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว ราคา 15,600 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท คิ้วบันไดสเตนเลส LED ราคา 4,400 บาท รวมทั้งอุปกรณ์เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยในห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ เช่น กระบะใส่ของท้ายรถ สำหรับรุ่น TURBO ราคา 1,100 บาท สำหรับรุ่น e:HEV ราคา 1,250 บาท

นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน  ได้แก่ Modulo Aero Package ราคา 15,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น