กางสเปก-ราคา 2022 Ford Ranger และ 2022 Ford Everest มีดีกว่าเดิมแค่ไหน?

ฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศไทย เตรียมเปิดตัว 2022 Ford Ranger (2022 ฟอร์ด เรนเจอร์) และ 2022 Ford Everest (2022 ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์) ออกจำหน่ายในไทย มาชมกันว่าการเปลี่ยนโฉมใหม่ครั้งนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง

2022 Ford Ranger เจนเนอเรชั่นใหม่แบ่งออกเป็น 3 โมเดลหลักคือ Ranger Sport, Ranger Wildtrak และตัวท็อป Ranger Raptor (2022 ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์) ที่มาพร้อมคุณสมบัติน่าสนใจเพียบ เจาะกลุ่มลูกค้าที่มองหารถกระบะอย่างครอบคลุม

ขณะที่ 2022 Ford Everest มีทั้งรุ่น Sport และ Titanium+ ทั้งหมดจะออกโชว์ตัวที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายนนี้ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี 

Ford Ranger Double Cab Sport 2.0L

2022 Ford Ranger Double Cab Sport รุ่นเกียร์อัตโนมัติ มีทั้งรุ่น 2.0L Turbo 4x4 6AT และรุ่นยกสูง 2.0L Turbo HR 6AT วางเครื่องยนต์รุ่นเดียวกันทั้งหมด บล็อกดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว อินเตอร์คูลเลอร์ พละกำลังสูงสุด 170 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

ล้ออัลลอยมีขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/65 R18 ไฟส่องสว่างรอบคันเป็น LED ทั้งหมด มีไฟตัดหมอก LED  กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า บันไดข้างและบันไดเหยียบกระบะท้าย ชุดตกแต่งล้อสีดำ และวัสดุหุ้มขอบกระบะและขอบฝาท้าย

ภายในมีหน้าจอสีแบบสัมผัสมัลติทัชขนาด 10.1 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto มีระบบ FordPass Connect แท่นชาร์จไร้สาย เบาะหุ้มหนังและหนังสังเคราะห์ หน้าจอแสดงผลแบบหน้าปัดสีขนาด 8 นิ้ว

ระบบความปลอดภัยประกอบด้วยถุงลมนิรภัย 6 จุด ทั้งคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองหลัง ระบบเบรก ABS และ EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

ผู้สนใจสามารถควักกระเป๋าติดตั้งแพ็คเกจเสริมเพิ่มเติมได้ทั้งสัญญาณเตือนกะระยะจอดด้านหน้าและด้านหลัง ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ระบบเตือนการชนด้านหน้า และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง

นอกจากนี้ยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดา Ranger Double Cab Sport 2.0L Turbo HR 6MT ที่จะมาพร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

Ford Ranger Double Cab Wildtrak

ถัดมาเป็น 2022 Ford Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Bi-Turbo 4x4 10AT ตัวท็อปใช้เครื่องยนต์สุดแรง บล็อกดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ อินเตอร์คูลเลอร์ รีดพละกำลังสูงสุด 210 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ

Ranger Wildtrak ติดตั้งดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมครีบระบายความร้อน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว หุ้มด้วยยาง 255/65 R18 ไฟหน้าเป็นแบบ Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติและระบบป้องกันไฟแยงตา ส่วนระบบไฟรอบคันเป็นแบบ LED ทั้งหมด

ภายนอกยังมีไฟส่องสว่างข้างตัวรถ สปอร์ตบาร์และราวหลังคา พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12 โวลต์และ 230 โวลต์ รวมถึงฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift

ภายในห้องโดยสารมีหน้าจอสีแบบสัมผัสมัลติทัชขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto เบาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง หุ้มหนังและหนังสังเคราะห์ หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 8 นิ้ว กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทอัตโนมัติ

ระบบความปลอดภัยอัดแน่น ได้แก่ถุงลมนิรภัย 7 จุด โดยเพิ่มถุงลมบริเวณหัวเข่าเข้ามาด้วย มีเบรกมือไฟฟ้า ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop and Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด กล้องมองรอบคัน 360 องศา ระบบป้องกันการชนเพื่อถอยหลัง และระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ

นอกจากนี้ยังมีรุ่น Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Bi-Turbo HR 10AT ตัวถังยกสูง ที่มีระบบต่าง ๆ เหมือนกัน

ขณะที่รุ่น Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Turbo HR 6AT เกียร์อัตโนมัติและ Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Turbo HR 6MT เกียร์ธรรมดา ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวเหมือนกับ Ranger Sport ส่วนระบบต่าง ๆ ถูกตัดออกไปเป็นอ็อปชั่นเสริมที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

Ford Ranger Double Cab Raptor 3.0L

ถือเป็นยอดภูเขาน้ำแข็งของรถกระบะยุคนี้ก็ว่าได้สำหรับ 2022 Ford Ranger Double Cab Raptor 3.0L V6 Twin-Turbo EcoBoost 4WD 10AT ซึ่งรุ่นใหม่ถูกอัพเกรดคุณสมบัติจากรุ่นเดิมให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกระดับ

Ranger Raptor ใหม่วางเครื่องยนต์เบนซิน บล็อกวี6 ขนาด 3.0 ลิตร อีโคบูสต์ เทอร์โบคู่ รีดพละกำลังสูงถึง 397 แรงม้าที่ 5,650 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 583 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดแบบ Electronic Shifter

มิติตัวถังถูกขยายให้ใหญ่กว่ารุ่นสแตนดาร์ด โดยมีความยาว 5,360 มม. กว้าง 2,028 มม. สูง 1,926 มม. ระยะฐานล้ออยู่ที่ 3,270 มม.

เฟืองท้ายหน้าและหลังเป็นแบบดิฟล็อกไฟฟ้า ช่วงล่างด้านหน้าเป็นอิสระปีกนกอลูมิเนียม 2 ชั้น โช๊คอัพ Fox Live Valve แบบมีระบบบายพาสภายในพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นคอยล์โอเวอร์ พร้อมโช๊คอัพ Fox Live Valve แบบมีซับแทงก์ และระบบบายพาสภายในพร้อมวัตต์ลิงค์

ดิสก์เบรกขนาดใหญ่พิเศษพร้อมครีบระบายความร้อนทั้งหน้าและหลัง สำหรับล้ออัลลอยใช้ขนาด 17 นิ้ว หุ้มด้วยยางออลเทอเรน BFGoodrich® K02 ขนาด 285/70 R 17 บุกตะลุยได้เกือบทุกสถานถนน

ไฟหน้าแบบ Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติและระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบไฟอื่น ๆ ที่เหลือทั้งหมดเป็น LED ตัวถังถูกขยายให้กว้างพิเศษพร้อมซุ้มล้อ บันไดข้างอลูมิเนียมพ่นผิวกันลื่นสีดำ พื้นปูกระบะท้ายพร้อมช่องต่อไฟ 12 โวลต์และ 230 โวลต์ ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift และแผ่นโลหะกันกระแทกหนา 2.3 มม.

ภายในโดดเด่นด้วยหน้าจอสีแบบสัมผัสมัลติทัชขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A ระบบเสียง Bang & Olufsen® พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง รวมถึงระบบนำทางเนวิเกชั่น ส่วนเบาะตกแต่งด้วยเบาะหนัง และหนังสังเคราะห์เฉพาะแบบ Raptor

นอกจากนี้ยังมีระบบเลือกโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ระบบ Active Valve Exhaust ปรับระดับเสียงท่อ 4 โหมด ช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch

ระบบความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมระบบ Stop and Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง พร้อมระบบอื่น ๆ เหมือนกับรุ่น WildTrak ตัวท็อป เสริมด้วยระบบช่วยจอดอัจฉริยะ

แฟนพันธุ์แท้ Ford Ranger Raptor ที่ไม่พอใจยังสามารถเลือกอุปกรณ์เสริมอย่างสติกเกอร์ตกแต่งสไตล์ Raptor ได้อีกด้วย

Ford Everest

มาดูกันที่รถอเนกประสงค์พีพีวี 2022 Ford Everest เจนเนอเรชั่นใหม่กันบ้าง มีทั้งหมด 2 รุ่นย่อยให้ลูกค้าได้เลือกสรร  

ตัวท็อปคือ 2022 Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ พละกำลังสูงสุด 210 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ Electronic Shifter

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อม Terrain Management System พร้อมระบบเลือกโหมดการขับขี่ Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery, Mud/Ruts

มิติตัวถังมีขนาดยาว 4,914 มม. กว้าง 1,923 มม. สูง 1,842 มม. ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,900 มม. ล้ออัลลอยใช้ขนาด 20 นิ้ว หุ้มด้วยยาง 255/55 R20 ดิสก์เบรก 4 ล้อ ช่วงล่างด้านหน้าแบบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบคอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงค์และเหล็กกันโคลง

ระบบไฟส่องสว่างยกมาจาก Ranger ไฟหน้าแบบ Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ และระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ส่วนไฟอื่น ๆ เป็น LED หลังคาพาโนรามิกมูนรูฟ การตกแต่งภายนอกหรูหราด้วยวัสดุสีเงินโครเมียม ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี

ภายในห้องโดยสารติดตั้งหน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัสมัลติทัชขนาด 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A ลำโพง 8 ตำแหน่ง หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 12.4 นิ้ว และแท่นชาร์จไร้สาย

เบาะหุ้มหนังและหนังสังเคราะห์สีดำ เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ส่วนเบาะแถวที่สามพับไฟฟ้า

ระบบความปลอดภัยเหมือนกับ Ranger ตัวท็อป อย่างถุงลมนิรภัย 7 จุด เสริมด้วยระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน และกล้องมองรอบคัน 360 องศา

Everest ยังมีรุ่นย่อย 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดให้เลือกสรรอีกด้วย ซึ่งอ็อปชั่นจะลดหลั่นกันไปโดยจะถูกแยกเป็นแพ็คเกจเสริมที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายของรุ่น Ranger Sport เริ่มต้นที่ 929,000 บาท ขณะที่รุ่น Ranger Wildtrak เริ่มต้น 999,000 บาท ส่วน Ranger Raptor เคาะไว้เบาะ ๆ ที่ 1,869,000 บาท

ขณะที่รถอเนกประสงค์พีพีวี 2022 Ford Everest เคาะรุ่น Sport อยู่ที่ 1,464,000 บาท  ส่วนรุ่น Titanium+ ราคา 1,854,000 บาท