ทุกวันนี้ ภายในรถที่เต็มไปด้วยปุ่ม มาตรวัดแบบอนาล็อก ถูกแทนที่ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่และมาตรวัดแบบดิจิตอล แม้จะทำให้ห้องโดยสารของรถดูสะอาดตามากขึ้น แต่หลายงานวิจัยได้พิสูจน์ว่าหน้าจอสัมผัสทำให้เราเสียสมาธิในการขับรถมากกว่า
และยังมีความคิดเห็นจากบุคคลที่อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ไปในทางเดียวกัน ตั้งแต่การคิดว่าหน้าจอสัมผัสในรถเป็นเรื่องโง่เขลา หรือหน้าจอดังกล่าวจะหายไปในอนาคต
Jony Ive อดีตนักออกแบบของ Apple เป็นอีกคนที่คิดไปในทางเดียวกัน โดยเขาคิดว่าหน้าจอสัมผัสได้พัฒนาไปไกลเกินไปและถึงเวลาแล้วที่เราจะกลับมาใช้ปุ่มกดเหมือนที่เคยเป็น
เขาได้ความคิดนี้ออกมาระหว่างการประชุม Code conference ของทาง Vox Media โดยมี Tim Cook ซีอีโอของ Apple ร่วมอยู่ในการประชุมครั้งนี้ด้วย
“มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อที่จะมีอินเทอร์เฟซและผลิตภัณฑ์ที่สามารถสัมผัสได้และมีส่วนร่วมกับร่างกายมากขึ้น” เขากล่าว
Kara Swisher นักข่าว ได้ถามว่าเขาหมายถึงรถยนต์หรือไม่ Ive จึงตอบว่าเป็นเพียงการยกตัวอย่าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาคิดว่าสมาร์ทโฟนอาจกลับมาใช้ปุ่มกดได้ด้วยเช่นกัน
มีหลายบริษัทที่ใช้การขยับท่าทางเพื่อเสริมประสบการณ์ที่ใช้งานง่ายขึ้นเมื่อโต้ตอบกับอินเทอร์เฟซดิจิตอลเหล่านี้ เราจะเห็นได้ว่าไม่มีอะไรที่ทดแทนปุ่มกดหรือหมุนได้ตลอด โดยเฉพาะฟังก์ชั่นที่ต้องใช้งานบ่อย ๆ อย่าง การเพิ่ม-ลดระดับเสียง หรือระบบปรับอากาศ
แต่ไม่ใช่ว่ารถที่มีหน้าจอสัมผัสทุกคันจะไม่ดี ระบบ infotainment iDrive 7 ของ BMW, ระบบปฏิบัติการของ Volvo ที่มีพื้นฐานจาก Android หรือระบบ Uconnect จากค่าย Stellantis นั้นก็น่าสนใจเช่นกัน
โดยระบบ infotainment ของรถเหล่านี้ยังใช้หน้าจอสัมผัสอยู่ แต่ยังมีปุ่มจริงเพื่อใช้งานฟังก์ชั่นบางอย่างของรถ การผสมผสานเหล่านี้จะดีที่สุดสำหรับฟังก์ชั่นที่ใช้งานบ่อยก็ให้เป็นปุ่มจริง ส่วนหน้าจอสัมผัสนั้นจะทำงานได้ดีกับการตั้งค่าบางอย่างของรถที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ
อ่านเพิ่มเติม : วิจัยเผย หน้าจออินโฟเทนเมนท์อาจรบกวนการขับขี่มากกว่าช่วยให้สบาย
คำพูดของ Ive นั้นสอดคล้องกับที่มาของเขาที่เคยทำงานกับ Apple ที่ ๆ มีผลิตภัณฑ์ซึ่งทั้งรูปร่างและการใช้งานจะต้องสอดคล้องไปด้วยกัน รวมถึงต้องมีความเรียบง่ายในการออกแบบ
เขายังถูกถามเกี่ยวกับว่า หากเขาได้ออกแบบรถ (ซึ่งน่าจะเป็นการเปิดประเด็นไปถึงโปรเจค Apple car) จะทำอย่างไรบ้าง แต่เขาไม่ได้ตอบในส่วนนี้
Mazda เป็นหนึ่งในค่ายรถที่พยายามหลีกเลี่ยงการใส่หน้าจอสัมผัสในรถหลายรุ่นและใช้การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ในการใช้งานในห้องโดยสารของรถแทน ใน Mazda CX-30 และ 3 หน้าจอจะถูกติดตั้งอยู่ห่างจากระยะเอื้อมของผู้ขับขี่ เพื่อไม่ให้รบกวนการขับขี่จนเกินไปและสามารถควบคุมหน้าได้ผ่านปุ่มบริเวณคอนโซลกลาง
ขณะเดียวกัน ค่ายรถหลายค่ายก็ทำหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เช่น Mercedes-Benz สำหรับหน้าจอ MBUX Hyperscreen ขนาด 56 นิ้ว หรือ Lucid ที่มีหน้าจอขนาด 34 นิ้วที่คอนโซลกลาง
อ่านเพิ่มเติม : ภายในของ Mazda 3 มีการใช้งานถูกหลักสรีรศาสตร์มากที่สุด
เราปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีการอัพเดทแบบ OTA, ระบบช่วยเหลือการขับขี่ หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ต้องมีการอัพเดทอยู่ตลอด นั้นกำลังเข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่ในทุกวันนี้
จึงทำให้หน้าจอสัมผัสนั้นมีความยืดหยุ่นมากกว่าสำหรับการอัพเดทเหล่านั้น แต่สิ่งที่ดีไซน์เนอร์ทั้งหลายได้กล่าวไว้ข้างต้นนั้นแสดงว่า ถึงเวลาในการพิจารณาความสมดุลระหว่างของเก่าและของใหม่เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดแล้วหรือยัง
อ่านเพิ่มเติม : ผลสำรวจยืนยันสวิทช์ดั้งเดิมปลอดภัยกว่าจอทัชสกรีน แต่ทำไมค่ายรถนิยมใช้
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}