ตั้งแต่มีการวางขาย Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์) ในประเทศไทยมา ก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็น PPV ที่ให้ออพชั่นมาค่อนข้างแน่น เรียกได้ว่าซื้อคันเดียวก็มีครบแล้วทุกรูปแบบ แถมยังนั่งกันได้หลายคน
ล่าสุดได้มีการเปิดตัวของรุ่นพิเศษใหม่ Ford Everest Wildtrak เหมือนกับพี่น้อง Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) ที่ขายในไทยก่อนหน้า
เราจะพาไปดูกันว่าเขาได้อะไรใหม่บ้าง นอกจากหน้าตาที่ดุดันกว่าเดิม
เครื่องยนต์เดิม
ส่วนเครื่องยนต์ของ Everest Wildtrak ยงคงใช้เครื่องยนต์แบบเดิมคือขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลัง 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4
เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E- Shifter มีตัวเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery, Mud/Ruts และ Sand เพื่อสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพพื้นผิว
เท่ากับว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนแค่การออกแบบนอก-ใน
จากที่เรากางสเปคของ 2023 Ford Everest Wildtrak ดู การเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มเติมเข้ามา จะมีก็แค่ในด้านการออกแบบภายนอกและภายในเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีออพชั่นเสริมเพิ่มเติมอะไรเข้ามา
การ์ดกันชนใหม่
ในรุ่นนี้ จะได้การออกแบบที่กระจังหน้าเหมือนกับ Ford Ranger WIldtrak คือมีการ์ดกันชนหน้าสีเทาช่วยให้ดูดุดัน ส่วนเส้นที่คั่นกลางกระจังหน้า แต่เดิมเป็นสีโครเมี่ยม ในรุ่นนี้ให้มาเป็นสีเดียวกับตัวการ์ดแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีตัวอักษร WILDTRAK สีดำบนฝากระโปรงหน้ามาให้ ยังคงได้ไฟหน้า matrix led พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติเช่นเคย
ล้อลายใหม่
อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงภายนอกคือได้ล้อใหม่ลายรังผึ้งแบบเรนเจอร์ แต่จากแตกต่างกันตรงที่ของเอเวอร์เรสต์จะมีการปัดเงา ในขณะที่เรนเจอร์เป็นดำล้วน
สีส้มใหม่
สำหรับสีตัวถัง ก็จะได้สีใหม่ Luxe Yellow แบบเรนเจอร์เช่นกัน
มือจับกลับไปสีเดียวกับตัวรถ
สิ่งที่น่าแปลกก็คือ มือจับประตูกลับกลายไปเป็นสีเดียวกับตัวรถแบบในรุ่น Trend ตัวล่างสุด ในขณะที่รุ่น Sport เป็นสีดำ ส่วน Titanium เป็นโครเมียม
ซึ่งตามความเป็นจริงถ้าโลโก้ต่าง ๆ มีการทำเป็นสีดำ มือจับประตูก็น่าจะเป็นสีดำด้วยเช่นกัน เพื่อให้เข้ากับกระจกมองข้าง
ภายในด้ายส้ม
สำหรับภายในของ Ford Everest Wildtrak จะยังเหมือนกับรุ่น Titanium 4x4 คือมีเกียร์ e-Shifter มาให้แล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงก็คือมีการตกแต่งด้วยการเดินด้ายสีส้ม และโลโก้ 'Wildtrak’ ที่เบาะคู่หน้า
ระบบความปลอดภัยเดิม
สำหรับระบบความปลอดภัย ก็ยังได้ระบบเดิม ๆ อยู่แบบตัวท็อป ไม่ได้มีเพิ่มมาให้ ประกอบไปด้วย
ซึ่งถึงจะไม่มีอะไรใหม่ให้ แต่ก็ยังค่อนข้างเหนือกว่าคู่แข่งอยู่ดี
คุ้มไหมถามใจดู
ฉะนั้นสรุปได้ว่าสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน 2023 Ford Everest Wildtrak ใหม่ หลัก ๆ ก็คือด้านการออกแบบภายนอก ที่มีกันชนใหม่ และตกแต่งโลโก้ตามจุดสีดำ ส่วนภายในมีแค่การเดินด้ายสีส้มเท่านั้น
พูดถูก็อาจจะดูไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก แต่ก็ถือว่าเหมาะกับคนที่ไม่อยากให้รถหน้าตาเหมือนคนอื่น และลดการตกแต่งที่เป็นโครเมี่ยมน้อยลง
ส่วนจะคุ้มกับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ ก็แล้วแต่ทุกท่านจะมองครับ
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}