Ford เริ่มลองระบบอัพออพชั่นใน Everest ลูกค้าเลือกได้ทั้งชุดแต่ง-ระบบปลอดภัย บอกเลยคุ้ม!!!

• เลือกได้ตั้งแต่สีพิเศษยันอัพเวลออพชั่น
• จ่าย 6 หมื่น รับเพิ่มไปเลย 13 รายการจุก ๆ
• ครั้งแรกของปิกอัพกับการเพิ่มรูปแบบนี้

Ford (ฟอร์ด) เร่งเครื่องเปิดตัวสินค้ากลุ่มปิกอัพและอนุพันธ์อย่างต่อเนื่อง ไล่กันมาตั้งแต่ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) กระบะรุ่นยอดนิยม Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) พีพีวีรุ่นใหญ่และ Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) รถปิกอัพตัวลุยรุ่นใหญ่ในตำนาน

ล่าสุดในการทดสอบเอเวอเรสต์ ที่มีการเปิดตัวรถรุ่นย่อยอีก 2 รุ่นมาเสริมทัพ ฟอร์ดได้เปิดเผยรายละเอียดของแพคเกจตกแต่งพิเศษที่ลูกค้าสามารถจ่ายเงินเพิ่มได้ ซึ่งเป็นการทำตลาดใหม่ที่แตกต่างจากแพคเกจที่ลูกค้าชาวไทยคุ้นชิน ที่มักเป็นการเลือกซื้อออพชั่นด้านความสวยงามมมากกว่า

โดยออพชั่นของฟอร์ดสำหรับเอเวอเรสต์ จะมีให้เลือกได้ตั้งแต่การจ่ายเงินเพิ่มสีตัวถังรุ่นพิเศษ การจ่ายเงินเพื่อติดตั้งชุดแต่งภายนอกเพิ่มเติม หรือที่ขยับไปหน่อยก็คือการอัพเกรดห้องโดยสารที่มากไปกว่าการเปลี่ยนสีเบาะ และสุดท้ายคือการจ่ายเงินเพื่อยกระดับระบบความปลอดภัยทั้งคันรถ

ถือเป็นการบุกเบิกสำหรับตลาดรถปิกอัพในไทยอีกครั้งเลยนะ...

โครงการทดสอบของฟอร์ด หากเวิร์คจะได้ไปต่อ

วิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) บอกกับ AutoFun Thailand ว่าโครงการดังกล่าวเป็นความตั้งใจของฟอร์ดที่จะนำเสนอแพคเกจการให้บริการที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งลูกค้าที่สนใจจะได้รับออพชั่นที่เหนือกว่าการจ่ายเงินเพื่อรับชุดแต่งทั่วไป ซึ่งได้เริ่มทดลองกันอยู่ 2 แพคเกจหลัก ๆ ในปัจจุบัน และถือเป็นการทดสอบตลาดไปในตัว ว่าลูกค้ามีความต้องการหรือไม่

"แพคเกจของเรานั้นจะแตกต่างจากรถทั่ว ๆ ไป ที่เป็นแพคเกจด้านความสวยงาม เช่น ติดตั้งชุดแต่งเพิ่มหรือสีสันแปลกใหม่ ที่ลูกค้าคุ้นเคยกันดีอยู่ แต่เราจะนำเสนออะไรที่แตกต่างและโดดเด่นออกมา ก็เลยกลายเป็นแพคเกจที่เหฺ็น ซึ่งขอบอกเลยว่ามีความคุ้มค่ามากกว่าอย่างแน่นอน"

อ่านเพิ่มเติม: กางสเปค 2022 Ford Everest ใหม่ทั้ง 4 รุ่นละเอียดยิบ

เพิ่มออพชั่นและความหรูหราให้กับไทเทเนียม พลัส

ผู้ใช้งานฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นท็อปอย่างไทเทเนียม พลัส ทุกรุ่น สามารถจ่ายเพิ่มอีก 1 หมื่นบาท เพื่อเลือกห้องโดยสารภายในสีครีมพราลีน ที่นอกจากจะเปลี่ยนเบาะที่นั่งเป็นสีครีมนวลตาแล้ว แพคเกจอื่น ๆ เช่น ที่เท้าแขน ลายไม้ในรถ ชุดตกแต่งที่เท้าแขน คอนโซลหน้าและกรอบประตู จะปรับเป็นสีครีมทั้งหมด ทำให้รถมีความหรูหราโอ่อ่ามากขึ้น ขณะเดียวกัน ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถเลือกจ่ายเงินเพิ่มอีก 5,000 บาท เพื่อติดตั้งชุดแผ่นโลหะกันกระแทกใต้ท้องรถ เพื่อทำให้รถสามารถบุกตะลุยได้อย่างสบายใจมากขึ้นอีกด้วย

ไฮไลท์อยู่ที่แพคเกจ ADAT สำหรับรุ่นสปอร์ต

แต่สิ่งที่ถือเป็นครั้งแรกและเป็นไฮไลท์ของวงการรถปิกอัพจริง ๆ ก็คือการที่ฟอร์ดเปิดตัวแพตเกจ ADAT แพคเกจ A สำหรับลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์สปอร์ตในรุ่น Sport แต่อยากได้ออพชั่นด้านความปลอดภัยครบครันแบบรุ่นไทเทเนียม ก็สามารถเลือกที่จะจ่ายเงินเพิ่มอีก 6 หมื่นบาท ที่จะอัพเกรดอุปกรณ์และระบบช่วยเหลือต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีก 13 อย่าง เรียกว่าได้ความปลอดภัยครบครันในราคาคุ้มค่ากว่า เพราะหากซื้อรุ่นสปอร์ตพร้อมแพคเกจนี้จะจ่ายที่ 1.544 ล้านบาทเท่านั้น ถูกกว่ารุ่นไทเทเนียม พลัส ขับเคลื่อน 2 ล้อที่ขายที่ 1.704 ล้านบาทถึง 1.6 แสนบาทเลยทีเดียว

13 สิ่งที่คุณจะได้เพิ่มจากแพคเกจ A ที่ว่า

ไม่ใช่แค่ความสวยงามหรือความสะดวกสบาย แต่นี่คือสิ่งที่คุณจะได้เมื่อยอมจ่ายเงินเพิ่ม และคิดว่าเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบเดี่ยว พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดนั้น เพียงพอต่อการใช้งานโดยที่ไม่ต้องอัพเกรดเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ เกียร์ 10 สปีด ในรุ่นไทเทเนียม

• อัพเกรด หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ เป็น 12.4 นิ้ว
• อัพเกรด หน้าจอกลางสำหรับระบบต่าง ๆ เป็น 12 นิ้ว
• เพิ่ม ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อม Stop&Go และระบบคุมรถให้อยู่กลางเลน
• เพิ่ม ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
• เพิ่ม ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
• เพื่ม ระบบเตือนการชนด้านหน้า
• เพิ่ม ระบบช่วยควบคุมรถหลังการชน
• เพิ่ม ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
• เพิ่ม ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง
• เพิ่ม ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด
• เพิ่ม กล้องมองภาพ 360 องศา
• เพิ่ม ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง และ
• เพิ่ม ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ

มีปัญหาแค่เรื่องเดียวเท่านั้นสำหรับลูกค้าที่อยากอัพเกรดทั้งหมด

ปัญหาเรื่องเดียวสำหรับลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของแพคเกจเหล่านี้ และตัดสินใจจ่ายเงินเพิ่มเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว ก็คือ แพคเกจเหล่านี้จะให้บริการในรูปแบบของเทรลเลอร์เมดเท่านั้น กล่าวคือ โรงงาจะทำการผลิตตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งและชำระเงินไปก่อน ทำให้ผู้ที่ตัดสินใจเลือกซื้อแพคเกจเหล่านี้เพิ่มเติม อาจจะต้องรอรถของท่านเข้าสู่สายการผลิตหลังชำระเงิน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะกินเวลานานประมาณ 2 เดือนหรืออาจจะนานกว่านั้นได้ หากระบบการผลิตติดขัดในด้านอื่น ๆ ซึ่งวิชิตเองก็ยอมรับว่าอาจจะขัดกับนิสัยของผู้บริโภคชาวไทยที่ชอบจ่ายตังแล้วได้สินค้าเลยไปบ้าง แต่ก็ถือเป็นโครงการทดสอบที่น่าสนใจจากฟอร์ดในครั้งนี้

ถ้าทำแล้วเวิร์คจริง จะมีแพคเกจอะไรออกมาเพิ่มสำหรับรุ่นไหนอีกไหมนะ ในอนาคต!!!

อ่านเพิ่มเติม: 1st impression 2022 Ford Everest พี่ใหญ่ปรับใหม่