2022 Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา โดยเปิดตัวนำมาก่อน 2 รุ่น ประกอบไปด้วย รุ่นเริ่มต้นอย่างสปอร์ตและตัวท็อปอย่างไทเทเนียม พลัส ขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาและยอดจองเข้ามาพอสมควรก่อนที่รถจะพร้อมส่งมอบอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม
ซื้อรถ Ford Everest มือสองกับ CARSOME การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจสภาพ 175 จุด พร้อมรับประกันสูงสุด 2 ปีเต็ม ราคาคงที่ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 30 วัน
แต่ในการทดสอบเบื้องต้นที่ได้ขับกันไปคนละประมาณ 40 กิโลเมตร ฟอร์ดได้เลือกตัวท็อปเจ้าของค่าตัว 1.854 ล้านบาทเป็นยานพาหนะเพียงรุ่นเดียว ซึ่งรุ่นนี้ถือเป็นหัวใจหลักของฟอร์ดที่มียอดจองเข้ามามากกว่า 60% ในลอตการจองครั้งแรกหลังเปิดตัวที่ฟอร์ดระบุว่ามีเข้ามาแล้วมากกว่า 3,000 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
มาลองขับสั้น ๆ ทั้งบนถนนและในออฟโรดแทร็ค ว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้างกับรถคันนี้!!!
ฟอร์ดได้ทำการปรับรูปลักษณ์ของรถพีพีวี 7 ที่นั่งรุ่นนี้เสียใหม่ โดยมีเบสมาจาก Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) เหมือนเช่นเดิม แต่เติมรายละเอียดของการออกแบบลงไป ไม่ว่าจะเป็นชุดกระจังหน้าขนาดใหญ่ โคมไฟหน้าอัจฉริยะ ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 20 นิ้ว แร็คหลังคาพร้อมกาบบันไดข้างขนาดใหญ่ที่ใช้งานได้จริง ขณะที่ด้านท้ายดูมีความเป็นเอสยูวีมากขึ้นด้วยดีไซน์ของบานประตูหลัง ที่ใส่ลูกเล่นไฟท้ายแบบแถบไล่ไปตามเส้นคาดบานประตู และยังให้ฟังชั่นส์มาแบบครบครันสำหรับรุ่นท็อป อย่างบานประตูท้ายไฟฟ้าที่เปิดได้ด้วยระบบไร้สัมผัส พาโนรามิกซันรูฟบานใหญ่ ซึ่งในภาพรวมนั้นทำให้เอเวอเรสต์ใหม่ดูดีกว่ารุ่นเดิมมาก
นอกเหนือจากระบบเดิม ๆ ที่ถือว่าทำได้ดีกว่าคนอื่นอย่างเบาะไฟฟ้าแถวสามที่พับแยก 50:50 และแถวสองที่พับได้แบบ 60:40 แถมยังสามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้าได้เพียงรุ่นเดียวในคลาส ฟอร์ดได้เพิ่มความน่าใช้งานด้วยรายละเอียด เช่น ที่ชาร์จไฟที่เลือกได้ทั้งแบบเสียบปลั๊ก ยูเอสบี-เอ ยูเอสบี-ซี และไวร์เลสชาร์จเจอร์ หน้าจอขนาดใหญ่ในรุ่นท็อปเป็นขนาด 12 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อหลายรูปแบบ พร้อมหน้าจอแสดงผล 12.4 นิ้วที่ให้ข้อมูลได้โดยละเอียดครบครัน พวงมาลัยมัลติฟังชั่นส์ลดปุ่มลงมาจากเดิม เบาะคู่หน้าพับแบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง แถมมีออพชั่นจ่ายตังค์เพิ่มเพื่อเปลี่ยนห้องโดยสารเป็นสีครีมอ่อน ที่เปลี่ยนหลายจุดในรถให้พรีเมียม
จริง ๆ แล้วเอเวอเรสต์เป็นรถพีพีวีที่ให้ออพชั่นและของเล่นเยอะที่สุดในท้องตลาดมาตั้งแต่แรก และในรุ่นใหม่ล่าสุด พวกเขาได้เพิ่มระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Active Park Assist 2.0 ที่ช่วยจอดได้ทั้งการจอดขนานและการถอยเข้าช่องจอด ใส่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจนถึงรถหยุดนิ่ง ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ที่ทำงานผสานกับระบบตรวจจับขอบถนน มาพร้อมระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ และติดตั้งระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลังมาให้ ซึ่งออพชั่นเหล่านี้ ทำให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ใหม่มีความปลอดภัยในการขับขี่อย่างครบครัน อันนี้ยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าถุงลมนิรภัยก็เพิ่มเป็น 7 ลูกแล้วนะ
ต้องขอบคุณการเปลี่ยนมาใช้เกียร์อัตโนมัติแบบไฟฟ้า 10 สปีด ที่ฟอร์ดเรียกว่าอี-ชิฟเตอร์ ที่ให้การตอบสนองที่ว่องไวกว่าเดิม จนสามารถชดเชยแรงม้าที่หายไป 3 ตัวได้ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ที่ฟอร์ดเลือกใช้ ให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุดเท่าเดิมที่ 500 นิวตันเมตร มาที่รอบต่ำตั้งแต่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที การส่งกำลังเป็นไปอย่างไหลลื่นทั้งบนถนนที่ตอบสนองต่อการกดคันเร่งอย่างดุดัน หรือแม้แต่ในแทร็คออฟโรดที่ต้องการแรงบิดมหาศาลในการลากรถให้ผ่านอุปสรรคไปได้ หากมีพื้นฐานการขับขี่รถออฟโรด เข้าใจในเรื่องการเปิดคันเร่งที่เหมาะสม ก็สามารถไปเที่ยวในป่าเขาได้สบาย
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของฟอร์ดมาพร้อมระบบ Terrain Management System ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 5 โหมด ประกอบไปด้วยโหมดปกติและโหมดประหยัดสำหรับการขับขี่บนถนน โหมดลากจูงและโหมดการขับขี่ออฟโรดที่ประกอบไปด้วยโหมดถนนลื่นและโหมดโคลน/ร่องลึก ซึ่งระบบทั้งหมดนั้นสามารถเลือกการขับขี่แบบ 2H, 4H, 4L มาใช้งานได้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งติดตั้งระบบดิฟฟ์ล็อกหลังแบบไฟฟ้ามาให้เป็นครั้งแรก ซึ่งทั้งหมดนี้ เลือกใช้งานผ่านปุ่มหมุนและปุ่มกด โดยไม่ต้องไปท่องจำอะไรมาก ระบบพร้อมที่จะช่วยเหลือปรับไปให้ตามความเหมาะสม ทำให้คุณสามารถใช้งานรถคันนี้ได้ง่ายดายที่สุดในรถกลุ่มนี้
แต่หลาย ๆ คนก็แอบบ่นว่าออพชั่นบางอย่างหายากอยู่
อย่างที่บอกไปข้างบนว่า ฟอร์ดเองได้เลือกลดความยุ่งยากของปุ่มกดต่าง ๆ ในตัวรถลงไป ทำให้ออพชั่นหลาย ๆ อย่างถูกนำไปติดตั้งที่หน้าจอกลางตามแบบสมัยนิยม ฟังชั่นส์หลาย ๆ ตัวก็เลยถูกเอาไปซ่อนไว้ในหน้าจอกลาง เช่น ระบบ Auto Hold จะต้องไปเลือกใช้บนหน้าจอ จากปกติที่จะเป็นปุ่มที่อยู่ติดกับเบรคมือไฟฟ้า หรือพวกระบบกล้อง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะลงทางลาดชัน ซึ่งเอาจริง ๆ หากเรากดปุ่มเข้าโหมดออฟโรดเพียงปุ่มเดียว หน้าจอที่ติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่เหล่านี้ก็จะกระเด้งขึ้นมาที่หน้าจอกลางอยู่แล้ว เพียงแต่ใครที่ซื้อรถคันนี้ไป อาจจะต้องยอมเสียเวลาในการศึกษาว่าปุ่มต่าง ๆ อยู่ที่ไหนกันบ้าง
มีโอกาสได้พูดคุยกับทีมผู้บริหารของฟอร์ดในทริปนี้หลายต่อหลายครั้ง ว่าพวกเขานั้นมั่นใจกับการทำตลาดรถรุ่นนี้เพียงใด แม้ว่ายอดจองเบื้องต้นจะทะลุ 3,000 คันไปแล้ว ทีมบริหารของฟอร์ดแสดงความมั่นใจว่าการมาถึงของเอเวอเรสต์จะทำให้ฟอร์ดนั้นมียอดจำหน่ายในกลุ่มพีพีวีเพิ่มมากขึ้น และมองไกลไปถึงการสร้างส่วนแบ่งตลาดที่ระดับ 20% จากตลาดรวมประมาณเดือนละ 5,000 คัน ซึ่งก็หมายความว่า ฟอร์ดจะก้าวขึ้นไปยึดตำแหน่งผู้นำตลาดอันดับ 3 อย่างเป็นทางการให้ได้ ซึ่งก็น่าจะเป็นเป้าหมายที่ท้าทายในตลาดที่เบอร์ 1 และเบอร์ 2 กอดคอกันยึดส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% ซึ่งการเปิดตัวเอเวอเรสต์ใหม่ถึง 4 รุ่น พร้อมแพคเกจใหม่ ๆ มากมาย จะทำให้ฟอร์ดกลับมาอยู่ในสปอตไลท์ของตลาดนี่อีกครั้ง
มาลุ้นกันว่าพวกเขาจะไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ในปีนี้!!!
ซื้อรถ Ford มือสอง มั่นใจ ได้มาตรฐาน ต้อง CARSOME
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}